เรื่องชาวบ้าน

โดย พิช วิชญ์วิสิฐ พูดชื่อนี้หลายคนอาจงงว่าใคร แต่ถ้าบอกว่าเป็นนักแสดงนำชายในเรื่อง “รักแห่งสยาม” และนักร้องนำวงออกัสหลายคนคงร้อง..อ๋ออออออออออ

นั่นแหละครับ เค้าคนนี้ทุกวันนี้ทำงานมากมายหลายด้านนักคิดนักเขียน และเค้านิยามตัวเองว่าเป็น “นักฝัน” เพราะฝันโน่นฝันนี่และทำไปเรื่อย และหนึ่งในนั้นก็กลายเป็นหนังสือเล่มนี้ที่ผมเพิ่งอ่านจบไป

เรื่องชาวบ้าน ประโยคคุ้นหูที่คล้ายๆกับคำว่า “เสือก” ในความคิดผม เพราะเรื่องชาวบ้านนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวกับเราเลยเพราะมันหมายถึงการพูดถึงบุคคลที่สามที่อยู่ในระแวกบ้านก็ว่าได้

แม้แต่การที่ผมเขียนอยู่นี่ก็เป็นการเขียนถึง “เรื่องชาวบ้าน” ที่เป็นหนังสือของผมเหมือนกัน เรื่องในหนังสือไม่ขอเอ่ยถึงเพราะอยากให้คุณได้ไปลองหาอ่าน จะยืนอ่านฟรีตามร้านหนังสือ หรือยืมเพื่อนอ่านแล้วไม่คืนก็ “เรื่องของคุณ”

รู้แต่ว่าผมอยากจะเม้าส์และเล่าเรื่องชาวบ้านบ้างเมื่ออ่านจบเหมือนกัน ว่าแล้วก็ขอเล่าเรื่องชาวบ้านซักเรื่องก็แล้วกัน

เรื่องชาวบ้านของผมคือพี่ยามคนนึงในหมู่บ้านผม พี่เค้าอายุเท่าไหร่ไม่สามารถคาดเดาได้ รู้แต่เค้าเรียกผู้ชายทุกคนที่ดูเป็นเจ้าของบ้านในหมู่บ้านนี้ว่า “เฮีย”

พี่ยามคนนี้ผมเจอตั้งแต่ตอนมาดูบ้านครั้งแรก เรื่มแรกเป็นยาม ก็ดูทำหน้าที่ด้วยดีมีความตั้งใจและภูมิใจในความเป็นยามสูง

ถ้าถามว่าทำไมผมคิดแบบนั้นน่ะหรอ ก็เพราะทุกครั้งเวลามีลูกบ้านทักเค้าทำท่าตะเบ๊ะกลับด้วยความตั้งใจกว่ายามหมู่บ้านทั่วไปประมาณ 18 เท่า เอ้า..นี่พูดจริงไม่ได้เวอร์ จนเวลาผ่านไปซักพักผลของความตั้งใจคือพี่นามแกได้โอกาสอัพตำแหน่งเป็นพนักงานต้อนรับแขกกึ่งยาม

พนักงานรับแขกกึ่งยามเป็นยังไงหรอครับ ก็คือชายหนุ่มร่างฉกรรจ์ในชุดสีขาวดูมีสง่าคล้ายๆกับเบลบอยพนักงานต้อนรับหน้าโรงแรมดีเวลาเราหนีเมียไปเที่ยวหัวหินกันน่ะแหละ

กลับมาที่พี่ยามคนนั้นต่อ หลังจากที่แกได้อัพเกรดจากยามเป็นพนักงานต้อนรับดูแกมีความสุขมากกว่าเดิมหลายเท่านัก แวบแรกผมก็คิดขำในใจว่า จากยามเป็นพนักงานต้อนรับมันน่าภูมิใจขนาดนั้นเลยหรอวะ

แต่พอผมลองมองย้อนกลับมาที่ตัวเองดูทุกครั้งที่ผมได้เลื่อนขั้นในหน้าที่การงานผมเองก็คงมีท่าทางภูมิใจไม่แพ้พี่ยามแกเหมือนกัน บางทีผมก็คิดว่าผมคงดีใจจนดูโอเวอร์เกินพี่ยามไปด้วยซ้ำ เมื่อผมคิดได้แบบนั้นผมก็เลิกคิดขำพี่ยามอัพเกรดแกทุกครั้งที่แกดูพูดคุยกับแขกลูกค้าหรือเพื่อนบ้านด้วยความภูมิใจ

สิ่งสำคัญของคนเราที่เราเผลอว่ายิ่งใหญ่ ความจริงแล้วมันอาจจะกระจอกงอกง่อยมากในสายตายคนอื่น (ผมหมายถึงตัวผมเองนะอันนี้ไม่ใช่พี่ยามแล้ว) แต่ถึงใครจะมองว่าเราบ้าบอแค่ไหนก็ช่างหัวมันเถอะครับ ความสุขเราแค่ไม่เดือดร้อนใครๆจะคิดอะไรก็ “ช่างเรื่องของมัน” เข้าไว้แล้วความสุขจะเยอะขึ้นแยะเลย

นี่แหละเรื่องชาวบ้านของผมที่สุดท้ายกลายเป็นเรื่องของผมเอง

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/