April 2024

Kyoto No Rekishi เกียวโต ประวัติศาสตร์พันปี

สรุปหนังสือเกียวโต ประวัติศาสตร์พันปี Kyoto No Rekishi ผมหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านหลังจากดองไว้นานมาก เนื่องจากกำลังมีทริปไปเที่ยวนอนเกียวโตนาน 10 วัน อ่านเพราะหวังว่าจะทำให้ทริปเกียวโตครั้งนี้สนุกขึ้น และก็จริงครับ เพราะมันทำให้ผมเข้าใจเรื่องราวของบางวันที่แวะไป บางพื้นที่ที่ตั้งใจเดินผ่าน หรือแม้แต่เข้าใจว่าพระราชวังเดิมนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร จริงๆ ในทริปเกียวโตครั้งนี้ผมยังได้หยิบหนังสือเกี่ยวกับญี่ปุ่นเล่มอื่นไปอ่านอีก 3 เล่ม แต่เดี๋ยวจะมาสรุปเล่าให้ฟังอีกที เอาเป็นว่าตอนนี้ขอสรุปประเด็นเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจจากหนังสือเล่มนี้ให้ฟังกันนะครับ 1. เมืองเกียวโตได้รับแรงบันดาลใจจากเมืองฉางอานของจีน ปฏิเสธไม่ได้ว่าจีนในสมัยโบราณเป็นชาติมหาอำนาจอย่างมากของโลกใบนี้ จึงไม่แปลกใจที่ประเทศโดยรอบมักหยิบเอาวัฒนธรรมจีนเป็นต้นแบบ ก่อนจะถูกนำไปปรับแต่งดัดแปลงให้เข้ากับบริบทของแต่ละพื้นที่จนกลายเป็นอัตลักษณ์ของตัวเองแบบที่ประเทศญี่ปุ่นเป็น 2. ที่มาของคำว่า “เกียวโต” คำว่า “เกียวโต”…

China Shock วิกฤตของจีนในเกมเศรษฐกิจโลกใหม่

สรุปหนังสือ China Shock วิกฤตของจีนในเกมเศรษฐกิจโลกใหม่ เขียนโดย อาร์ม ตั้งนิรันดร เรื่องราวอัปเดทของประเทศจีน ประเทศที่ดูเศรษฐกิจรุ่งพุ่งแรงโตปีละ 2 หลักมานานหลายสิบปี มาวันนี้เศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอความเร็วเหลือโตแค่หลักเดียว แต่ก็ยังเป็นตัวเลขหลักเดียวที่สูงอยู่ หนังสือเล่มนี้จึงเล่าให้เราเห็นภาพปัจจุบันของประเทศจีนที่ตรงกับบริบทความเป็นจริงมากขึ้น ผมขอหยิบบางบทบางตอนมาสรุปเล่าให้ฟัง เพื่อให้เห็นภาพความน่าสนใจในประเทศจีนและหนังสือเล่มนี้ครับ วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีน ก่อนหน้านี้เราจะเห็นข่าวบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ในจีนเล่มล้มละลาย จนกลายเป็นข่าวใหญ่โตไปทั่วโลกว่าจะเกิดเหตุ Domino Effect ในจีนหรือไม่ แต่เท่าที่สังเกตดูถึงวันนี้ไม่มีวี่แววแบบนั้น แต่ถ้าเป็นประเทศอื่นบริษัทที่ใหญ่มากๆ ในประเทศล้มลงคงก่อให้เกิด Domino Effect ต่อระบบเศรษฐกิจทั้งหมดไม่น้อย และทางรัฐบาลในประเทศนั้นต้องหาทางพยุงไม่ให้บริษัทยักษ์ใหญ่ล้มเหมือนประเทศอื่น กลับไม่กลัวคำว่ายิ่งใหญ่ยิ่งล้มดังจนอาจพาทั้งเศรษฐกิจพังไม่รู้ตัว…

อ่านการเมืองไทย 3 การเมืองของเสื้อแดง นิธิ เอียวศรีวงศ์

สรุปหนังสือชุดอ่านการเมืองไทย เล่มที่ 3 การเมืองของเสื้อแดง เขียนโดยอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ ที่เขียนไว้ตั้งแต่เมื่อ 14 ปีก่อน ณ ปี 2553 มาถึงวันนี้ 14 ปีผ่านไป ดูเหมือนว่าการเมืองไทยไม่ค่อยขยับไปข้างหน้าสักเท่าไหร่ และหลายเรื่องที่เคยคลุมเครือสงสัยก็คลี่คลายกระจ่างเรียบร้อยแล้ว ผมเลยขอหยิบบางประเด็นที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟัง ว่าในหนังสือเล่มนี้มีอะไรบ้าง ชนชั้นนำชอบคิดเองเออเองว่า การเลือกตั้งมักถูกแทรกแซงด้วยการซื้อเสียง เงินไม่กี่หมื่นหรือแสนล้าน ก็สามารถกุมอำนาจผ่านระบบประชาธิปไตยได้แล้ว ถ้างั้นยึดอำนาจไว้กับตัวเหมือนเดิมดีกว่า แง่มุมนี้น่าสนใจซึ่งมีมานานมาก และก็ดูเหมือนว่าจะยังคงถ่ายทอดใช้กับรัฐประหารครั้งก่อน แต่คงจะยากที่จะถูกนำมาใช้กับรัฐประหารครั้งถัดไป เพราะรัฐประหารครั้งก่อนมักใช้เรื่องการซื้อเสียงจนทำให้ได้คะแนนเสียงทั้งแผ่นดินแบบพลิกกระดาน แต่ดูเหมือนจากผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่ผ่านมาพรรคที่ชนะอันดับ 1…

อ่านการเมืองไทย 2 กัมมทายาโทของสังคมไทย นิธิ เอียวศรีวงศ์

สรุปหนังสือชุดอ่านการเมืองไทย เล่มที่ 2 กัมมทายาโทของสังคมไทย เขียนโดยอาจารย์ นิธิ เอียวศรีวงศ์ เกริ่นหน้าปกก่อนเข้าเนื้อหาในเล่มก็น่าสนใจ ที่บอกว่า “ทั้งหมดนี้ไม่โทษนักการเมืองสักคนเดียว แต่อยากโทษสังคมไทยทั้งหมด เราล้วนเป็นทายาทของกรรมที่เราก่อไว้เอง” หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นมาตั้งแต่เมื่อ 2553 หรือถ้านับเลขปีย้อนไปก็ไม่น้อยกว่า 14 ปีแล้ว แต่ดูเหมือนว่าการเมืองไทยยังไม่ค่อยได้พัฒนาจากเดิมไปเท่าไหร่ ผมขอหยิบบางประเด็นในเล่มที่น่าสนใจมากๆ มาสรุปเล่าให้ฟังกันนะครับว่ามันน่าสนใจอย่างไร ดูเหมือนชนชั้นนำจะไม่สามารถนำประชาชนคนชั้นกลาง และคนส่วนใหญ่ของประเทศได้อีกต่อไป เดิมทีชนชั้นนำไม่ว่าจะในถิ่นฐานประเทศไหน ก็ล้วนแต่ใช้วิธีการต้องพยายามหล่อหลอมความคิดชนชั้นที่ต่ำกว่าตัวเองต้องเห็นด้วยคล้อยตาม จึงจะสามารถนำคนเหล่านั้นได้ ไม่ว่าจะใส่ความคิดเรื่องสมมติเทพเข้าไป ให้เชื่อว่านี่คือผู้วิเศษฟ้าประทานมาให้เป็นผู้นำ หรือการสร้างจารีตใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อกีดกันให้เห็นว่าชนชั้นที่ทำแบบนี้ได้เท่านั้นจึงจะพิเศษกว่าคนด้วยกัน หรือการเก็บสิทธิการออกเสียงเลือกตั้งไว้เฉพาะกับแค่ผู้ชายผิวขาวในอดีต…

อ่านการเมืองไทย 1 การเมืองเรื่องผีทักษิณ นิธิ เอียวศรีวงศ์

หนังสือชุดอ่านการเมืองไทยผมมีเก็บเป็นกองดองไว้มานานมาก พอดีถึงโอกาสที่การเมืองบ้านเรากำลังร้อนแรงในช่วงปีที่ผ่านมา ก็เลยถือโอกาสหยิบเอามาอ่านดูสักครั้ง แล้วยิ่งชื่อเล่มนี้คือ “การเมืองเรื่องผีทักษิณ” ยิ่งทำให้รู้สึกอยากลองหยิบมาตั้งใจอ่านจริงๆ ดูสักที ใจหนึ่งคืออยากรู้ว่าทักษิณในวันนั้นกับทักษิณในวันนี้ เปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่ ถ้าเปลี่ยนไปก็อยากรู้ว่าเปลี่ยนไปมากขนาดไหนครับ แต่ต้องบอกก่อนว่าหนังสือเล่มนี้เขียนมาตั้งแต่ปี 2553 สมัยยังมีม็อบเสื้อเหลืองเสื้อแดง การเมืองไทยยังคงวุ่นวายอยู่กับแค่คำว่าทักษิณ จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ร่วม 14 ปีแล้ว เรามาลองดูกันดีกว่าครับว่าหนังสือชุดอ่านการเมืองไทยเล่ม 1 การเมืองเรื่องผีทักษิณนี้มีอะไรให้เราได้เรียนรู้บ้าง จุดกำเนิดม็อบยังเหมือนเดิม อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ ให้คำตอบไว้น่าสนใจว่า ม็อบ นั้นเกิดขึ้นเพราะไม่มีพื้นที่ให้พวกเขาได้พูด ได้แสดงออก ได้รู้สึกว่ามีคนรับรู้รับฟังตามระบบ ด้วยความที่ระเบียบราชการการปกครองของไทยดูเหมือนไม่ได้ให้ค่ากับเสียงของประชาชนแต่อย่างไร ร้องเรียนไปก็เท่านั้น…

How to Prevent The Next Pandemic สู่โลกปลอดเชื้อ Bill Gates

สรุปหนังสือ How to Prevent The Next Pandemic สู่โลกปลอดเชื้อ Bill Gates คู่มือป้องกันการระบาดใหญ่ครั้งต่อไป หนังสือที่บิล เกตส์ เขียนขึ้นระหว่างช่วงโควิด 19 ช่วงที่โลกเราเจอกับภายพิบัติโรคระบาดครั้งใหญ่ที่ทำให้โลกทั้งใบต้องหยุดหมุนนานเกือบปี ไปจนถึงหมุนแบบสะดุดหลายปีมาแล้ว หนังสือเล่มนี้เปรียบกับคู่มือเตรียมพร้อมรับมือหากเกิดการระบาดใหญ่ครั้งหน้า ที่ทำให้มนุษยชาติต้องหยุดทุกกิจกรรมแล้วล็อคดาวน์อยู่บ้านอีกครั้ง เพราะคิดว่าคงไม่มีโรคระบาดใดจะร้ายแรงกว่านี้ได้ บิล เกตส์ เองเลยใช้ช่วงเวลาดังกล่าวเขียนออกมาเป็นหนังสือเล่มนี้ จะเรียกว่าเป็นคู่มือสำหรับการเกิดโรคระบาดใหญ่ในครั้งหน้าก็ว่าได้ โดยใช้ความสามารถในการรวบรวมดาต้ามากมายกับข่าวสารที่กระจัดกระจายจากทั่วโลก เพื่อทำให้เราได้เห็นภาพว่าสิ่งใดที่ทำแล้วเวิร์ค สิ่งไหนที่ทำแล้วไม่เวิร์ค เพื่อจะได้เป็นแนวทางการรับมือหลังจากนี้ ไม่ใช่สำหรับภาคประชาชน หรือแค่เอกชนเท่านั้น…

ไม่มีครั้งสุดท้ายสำหรับโอกาส ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 36 หนุ่มเมืองจันท์

สรุปหนังสือไม่มีครั้งสุดท้ายสำหรับโอกาส ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 36 ของพี่ตุ้ม หนุ่มเมืองจันท์ ตราบใดที่เรายังมีชีวิต เรายังมีโอกาสอยู่เสมอ บังเอญที่แนวคิดส่วนตัวผมตรงกับประโยคหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ของพี่ตุ้ม หนุ่มเมืองจันท์โดยบังเอิญ ถือว่าไม่เสียทีที่อุตส่าห์เป็นแฟนหนังสือชุดฟาสต์ฟู้ดธุรกิจมาถึง 36 เล่ม เลยพอที่จะซึมซับความคิดจากพี่ตุ้มมาได้ไม่มากก็น้อย ผมติดหนังสือเล่มนี้มาอ่านระหว่างบินไปเที่ยวเกียวโตอีกครั้ง แต่การไปเที่ยวเกียวโตครั้งนี้ผมไม่เหมือนกับสองครั้งก่อนหน้า เพราะสองครั้งก่อนหน้าผมได้แค่แวะเที่ยวแบบนั่งรถไฟจากโอซากา ไปเช้า เย็นกลับ ส่วนครั้งนี้ผมตั้งใจจะไปนอนเกียวโตสัก 10 วัน เอาให้มันได้ซึมซับวิถีชีวิตคนเกียวโตบ้าง ที่พูดเรื่องเที่ยวเกียวโตขึ้นมาเพราะผมก็รู้สึกว่าทริปนี้ของผมมีความสอดคล้องกับหนังสือเล่มนี้เลย ถ้าย้อนกลับไปสมัยเที่ยวเกียวโตก่อนหน้าสัก 6-7 ปีก่อน ผมคงไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสมาเที่ยวเกียวโตแบบสบายๆ ไม่ต้องประหยัดอัตคัดอะไรมาก (แต่ก็ไม่ได้หรูหราฟู่ฟ่าเวอร์เบอร์ใหญ่) เพราะชีวิตผมในวันนั้นเป็นแค่พนักงานกินเงินเดือน…

สงครามโลกในสิ่งของ World War Tools

สรุปหนังสือ สงครามโลกในสิ่งของ World War Tools เล่าสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านข้าวของที่ถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือ เชื่อไหมครับว่าการรบ การทำสงคราม ไม่ได้สู้กันแค่ด้วยอาวุธประหัตประหารเท่านั้น แต่ยังสู้กันด้วยสิ่งของ วัฒนธรรม หรือที่ทุกวันนี้เราเรียกกันว่า Soft Power เริ่มตั้งแต่น้ำหอมยอดนิยมของโลกทุกวันนี้ Chanel No.5 ที่มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 Chanel No.5 หอมจนเมียทหารส่งจดหมายบอกว่าให้ซื้อกลับบ้านไปฝากด้วย ชื่อ No.5 ของน้ำหอม Chanel นั้นมาจากตอนเลือกว่าจะเอาน้ำหอมกลิ่นไหน ทางผู้ผลิตน้ำหอมมีปรุงกลิ่นเตรียมไว้หลายขวด…

วันนี้เธอขอบคุณตัวเองแล้วหรือยัง

สรุปหนังสือ วันนี้เธอขอบคุณตัวเองแล้วหรือยัง หนังสือที่มีพี่ที่เคารพคนหนึ่งมอบให้ผมมา ต้องบอกว่าเป็นหนังสือที่ปกติผมคงไม่คิดหยิบหรือซื้อขึ้นมาอ่าน แต่พอเป็นพี่ที่เคารพมอบให้มาอย่างไรก็ต้องอ่าน และถึงขนาดต้องขอหยิบลัดคิวขึ้นมาอ่านเลย หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมได้หยุดคิด คิดทบทวนชีวิตที่ไม่ใช่แค่ขอบคุณตัวเอง แต่ยังขอบคุณอีกหลายสิ่งรอบตัวที่เคยมองข้ามไป ผมขอหยิบบางบทบางตอนมาเล่าให้ฟัง เพื่อเป็นการป้ายยากลายๆ เผื่อว่ามีใครอยากซื้อหนังสือเล่มนี้อีกบ้างครับ จงโฟกัสไปที่การพัฒนาตัวเอง ไม่ใช่าการพิสูจน์ให้คนอื่นเห็น เป็นเรื่องราวจากบทที่ 1 ที่พูดถึงร้านขายขนมใส้ถั่วแดงในญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ที่จากเดิมซื้อใส้ถั่วแดงสำเร็จรูปง่ายๆ มาทำให้มีขนมขาย กลายมาเป็นการลงมือทำใส้ถั่วแดงด้วยตัวเองอย่างละเมียดตั้งใจ จากความตั้งใจและใส่ใจในทุกขั้นตอนของการทำใส้ถั่วแดงให้ออกมาดี ตั้งแต่การเลือกเมล็ดถั่วไป ไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ทำให้พวกเขาค้นพบว่าความสุขระหว่างการทำงาน ไม่เหมือนกับคนทั่วไปที่มักจะเฝ้ารอความสุขจากผลลัพธ์ตอนจบสุดท้ายเพียงอย่างเดียว ถ้าเปรียบกับการเดินทาง ถ้าเรามัวแต่คิดว่าถ้าถึงจุดหมายปลายทางเมื่อไหร่จะเที่ยวให้ฉ่ำปอดเลย ระหว่างการเดินทางนั้นยาวนานใช้เวลาไม่น้อย ถ้าเราแค่ลองหาวิธีหาความสุขระหว่างทาง ทริปการเดินทางนั้นจะมีความหมายขึ้นมาก…