สรุปหนังสือ Chip War สงครามชิป การต่อสู้เพื่อสุดยอดเทคโนโลยีระดับโลก
สรุปหนังสือ Chip War สงครามชิป การต่อสู้เพื่อสุดยอดเทคโนโลยีระดับโลก Chrip Miller เขียน มหาอำนาจโลกยุคก่อนแข่งกันแย่งชิงบ่อน้ำมัน แต่มหาอำนาจโลกยุค AI ในปัจจุบันนั้นต่างแย่งชิงขุมกำลังในการประมวลผลดาต้า นั่นก็คือชิปคอมพิวเตอร์นั่นเอง
และก็จริงอย่างที่คิดการณ์ไว้ เพราะเมื่อล็อคดาวน์คนต้องอยู่บ้านอย่างแรกคือส่งผลให้ความต้องการคอมพิวเตอร์แรงๆ เพิ่มขึ้นมาก คนอัปเกรดคอมเยอะมากในตอนนั้น แล้วไหนจะความต้องการของ Data Center ต่างๆ ที่ต้องขยายขนาดเพื่อรองรับผู้ใช้งานพร้อมกันจำนวนมหาศาล
เรามักได้ยินคำว่า Silicon Valley แหล่งรวมบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกมากมาย ทำให้คนทำงานเปลี่ยนงานง่าย เพราะถ้าไม่ชอบบริษัทที่ทำงานอยู่ ก็สามารถหางานใหม่ได้แทบจะในทันที แต่บริษัท Micron ผู้ผลิตชิป DRAM ในบอยซีคิดอีกแบบ ถ้าเราไปตั้งโรงงานในแหล่งที่เต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมแบบเดียวกัน เราอาจรักษาพนักงานเก่งๆ ไว้ได้ยาก
ก็เลยเลือกที่จะตั้งโรงงานผลิตในที่ไกลจากแหล่งเทโนโลยีมากที่บอยซี ผลคือตัวเขาเองเป็นผู้ผลิตชิป DRAM รายเดียว พนักงานเลยอยู่กับที่นี่นานมากกว่าบริษัทเทคโนโลยีอื่นในเวลานั้น เป็นกลยุทธ์การรักษาพนักงานที่น่าสนใจจริงๆ
Intel จากผู้นำตลาดชิปโลกยุค CPU สู่ยุคชิปประมวลผลของ ARM
Intel ในเวลานั้นเองก็เคยผลิตชิป DRAM มาก่อน แต่ก็หนีจากสงครามราคาที่ใครๆ ก็แข่งกันตัดราคาไปสู่การผลิตชิปประมวลผลกลางอย่าง CPU ที่ซับซ้อนกว่ามาก แต่ก็สามารถขายได้ราคาที่แพงกว่าโข
เมื่อ Intel เริ่มผลิตชิป CPU ตระกูล X86 ได้ ทางจีนก็เร่งหาทางผลิตชิป X86 แบบเดียวกันให้ได้แต่ไม่ง่ายขนาดนั้น บริษัท ARM เองที่เคยเป็นคู่แข่ง Intel สมัยก่อนและก็แพ้ไปในช่วงยุคชิป CPU เฟื่องฟู ส่วนหนึ่งเพราะพันธมิตรของ Intel ที่แน่นแฟ้นกับ Microsoft มากๆ ทำให้เกิดการผูกขาดในระบบคอมพิวเตอร์บ้าน
Microsoft สร้างโปรแกรมที่ประมวลผลบนชิป X86 ได้ดี ทาง Intel ก็ยิ่งทำชิปใหม่ๆ ออกมาขายได้ดีขึ้น แต่นั่นคือยุคเฟื่องฟูในอดีต เพราะทุกวันนี้ Intel กำลังเจอศึกหนัก เมื่อโลกไม่ได้ต้องการชิป CPU คอมพิวเตอร์แบบเดิมสักเท่าไหร่
เพราะเราก้าวเข้าสู่ยุคของ IoT ที่ต้องการชิปประมวลผลตัวเล็กๆ ที่กินไฟต่ำมากๆ นั่นคือสิ่งที่ชิปของ Intel ทำไม่ได้ แต่ ARM นั้นทำได้ดีแบบขาดลอย
Intel เองเคยเสนอตัวผลิตชิปให้ Mac เหมือนกับ Microsoft จึงทำให้ช่วงหนึ่ง Apple หันมาใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิปขอ Intel ก่อนจะหันมาใช้ชิปที่ตัวเองเป็นผู้ออกแบบ เรียกได้ว่าผูกขาดในระบบสถาปัตยกรรมแบบสุดๆ
เพราะ Steve Jobs เองหลังเปิดตัว iPhone ได้ไม่นานก็เริ่มรู้แล้วว่าชิปนั้นจะสำคัญกับธุรกิจของ Apple ขนาดไหน เลยเริ่มลงทุนซื้อบริษัทออกแบบชิปมาเพื่ออกแบบชิปในสินค้าทั้งหมดของ Apple ให้ จนสามารถสร้างชิปตระกูล A ของตัวเองออกมาได้ แล้วก็ถูกใช้ใน iPhone เป็นสินค้าแรก ก่อนจะขายไปยังคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ
นี่คือหนังสือที่จะเล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชิปประมวลผล ตั้งแต่ Semiconductor ไปจนถึง Chip Set CPU ในคอมพิวเตอร์เราทุกเครื่อง ลามมาถึงชิปในโทรศัทพ์มือถือที่เราทุกคนล้วนขาดมันไม่ได้ ในโลกยุค Digitaltization ยุคที่เต็มไปด้วย Deep Data มากมายจากอุปกรณ์ IoT หรือ Sensor ทั้งหลาย
จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/
สรุปหนังสือย่องเบาเข้าญี่ปุ่น หนังสือแนวใหม่สำหรับผม เป็นแนวออกจะไปทางนวนิยายเรื่องแต่งผสมเกร็ดความรู้บนเรื่องจริง ฉะนั้นเลยขอสรุปเฉพาะเกร็ดความรู้เรื่องญี่ปุ่นที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนและคิดว่าน่าสนใจแทนแล้วกันนะครับ Made in USA คือผลิตในเมืองยูซ่าประเทศญี่ปุ่น ต้องบอกก่อนว่าประเทศญี่ปุ่นในยุคแรกเริ่มสร้างประเทศ ก็เริ่มจากเป็นประเทศแรงงานราคาถูก ผลิตสินค้าเลียนแบบตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ก่อนจะกลายเป็นมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีผู้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ มากมายในวันนี้ ณ วันนั้นสินค้าที่คนอเมริกาชอบ และคนในประเทศต่างๆ ทั่วโลกชอบก็หนีไม่พ้นสินค้าที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา หรือ Made in U.S.A. ก็ในเมื่อผู้คนต่างชอบจะซื้อสินค้าที่มีตราว่าผลิตในอเมริกามาก ญี่ปุ่นก็เลยเกิดไอเดียว่าถ้างั้นเราเอาเมืองหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นเราที่ชื่อว่า ยูซ่า (ไม่รู้ว่าเมืองนี้มีจริงมาตั้งแต่ต้นไหม หรือเพิ่งมาคิดเอาได้ว่าต้องมีแล้วจึงสร้างมันขึ้นมา) ก็เลยผลิตสินค้าเลียนแบบฝั่งอเมริกาแล้วก็ติดป้ายว่า Made in USA ที่ไม่ได้หมายถึงประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะถ้าเป็นแบบนั้นต้องเขียนโดยมีจุดตัวย่อว่า U.S.A. ถึงจะเท่ากับ United State of America เรียกได้ว่าหัวหมอยิ่งกว่าคนจีนที่เราเชื่อกัน เรื่องนี้กลายเป็นคดีความกันยกใหญ่ในเวลานั้น แต่สุดท้ายญี่ปุ่นก็ชนะไปด้วยการบอกว่าเราไม่ได้โกหกว่าผลิตในอเมริกา แต่มันคือการผลิตในเมืองอุษาประเทศญี่ปุ่น แล้วพอเขียนเป็นภาษาอังกฤษก็คือ USA ที่บังเอิญคล้ายชื่อย่อสหรัฐอเมริกาไงเล่า!! จากการเลียนแบบนานวันเข้าก็กลายเป็นการเรียนรู้ที่จะสร้างนวัตกรรมของตัวเอง นานไปกว่านั้นจากนักปลอมของคนอื่น กลายเป็นผู้สร้างความเป็นของแท้ Original แบบ Japan ที่ชาติอื่นๆ อยากเลียนแบบแทนมากมาย ด้วยความที่คนญี่ปุ่นก็ชอบคิดนอกกรอบ คิดอะไรที่หลุดโลกแบบสุดๆ […]
สรุปหนังสือ Simply AI, Facts Made Fast เล่มนี้เป็นหนังสือภาษาอังกฤษล้วนไม่กี่เล่มที่ผมอ่านจบได้ ด้วยความที่เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นภาพ ตัวหนังสือน้อย ยิ่งทำให้อ่านง่าย อ่านไว แต่ยังเข้าใจสาระประเด็นหลัก หนังสือเล่มนี้ช่วยเปิดภาพรวมของคำว่า AI ที่กำลังเห่อและเป็นกระแสอย่างหนักในวันนี้ ว่ามีจุดเริ่มต้นอย่างไร มีวิวัฒนาการมาแบบไหน และแก่นหลักของ AI จริงๆ มีกี่แบบ AI คืออะไร ? เริ่มต้นที่คำถามหลัก คำถามที่พื้นฐานที่สุด แต่จะทำให้เราเข้าใจแก่นสิ่งนั้นมากที่สุด ก็คือ What is AI ? หรือ AI คืออะไร ? จากคำตอบของหนังสือเล่มนี้บอกไว้ว่า AI คือรูปแบบการคิดหรือตัดสินใจ โดยอ้างอิงจากข้อมูลหรือสถิติเป็นหลัก และ AI จะเป็นประโยชน์มากเมื่อใช้กับงานหรือปัญหาที่มีความเฉพาะเจาะจงชัดเจน เช่น ช่วยคิดหน่อยว่าลูกค้าที่เพิ่งซื้อสินค้าชนิดนี้ไปควรแนะนำขายอะไรต่อดีถึงจะทำให้เกิดโอกาสซื้อซ้ำมากที่สุด หรือ ช่วยหาหน่อยว่าลูกค้าคนไหนบ้างมีโอกาสจะเลิกเป็นลูกค้าเราในเร็วๆ นี้ โดยทั้งหมดนี้ก็จะอ้างอิงจากข้อมูลการซื้อหรือข้อมูลของลูกค้าในอดีต เทียบกับลูกค้าคนก่อนหน้าแล้วเอามาหาความน่าจะเป็นว่ามีโอกาสกี่เปอร์เซนต์ จุดเริ่มต้นของ AI เรื่องราวของ AI มีมานานมาก […]