สรุปหนังสือ Simply AI, Facts Made Fast เล่มนี้เป็นหนังสือภาษาอังกฤษล้วนไม่กี่เล่มที่ผมอ่านจบได้ ด้วยความที่เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นภาพ ตัวหนังสือน้อย ยิ่งทำให้อ่านง่าย อ่านไว แต่ยังเข้าใจสาระประเด็นหลัก หนังสือเล่มนี้ช่วยเปิดภาพรวมของคำว่า AI ที่กำลังเห่อและเป็นกระแสอย่างหนักในวันนี้ ว่ามีจุดเริ่มต้นอย่างไร มีวิวัฒนาการมาแบบไหน และแก่นหลักของ AI จริงๆ มีกี่แบบ
AI คืออะไร ?
เริ่มต้นที่คำถามหลัก คำถามที่พื้นฐานที่สุด แต่จะทำให้เราเข้าใจแก่นสิ่งนั้นมากที่สุด ก็คือ What is AI ? หรือ AI คืออะไร ?
จากคำตอบของหนังสือเล่มนี้บอกไว้ว่า AI คือรูปแบบการคิดหรือตัดสินใจ โดยอ้างอิงจากข้อมูลหรือสถิติเป็นหลัก และ AI จะเป็นประโยชน์มากเมื่อใช้กับงานหรือปัญหาที่มีความเฉพาะเจาะจงชัดเจน
ส่วนโปรแกรมคอมพิวเตอร์แรกที่จำลองการคิดก็เกิดขึ้นในช่วงปี 1940 จากนั้นช่วงปลาย 1950 ก็มีการศึกษาเรื่อง AI จริงจัง
และด้วยความสามารถในการประมวลผลที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบัน ส่งผลให้ AI ก้าวล้ำไปกว่าที่หลายคนคิด ใกล้เคียงกับคำว่าวันนี้ AI เหมือนกับมีชีวิตจิตใจขึ้นทุกที อย่างเช่น ChatGPT 4o ที่เราเห็นล่าสุดว่าสามารถตอบด้วยน้ำเสียงคล้ายคน สามารถคุยหยอกล้อเล่นได้เหมือนคน จนอีกหน่อยเราคงแยกไม่ออกว่าตกลงที่คุยด้วยนี่มนุษย์หรือ AI
8 ด้านของคำว่า Intelligence
คำว่า AI หรือ Artificial Intelligence จะครบถ้วนสมบูรณ์ต้องประกอบด้วยความฉลาดทั้ง 8 ด้านดังนี้
Linguistic Intelligence ความฉลาดทางด้านภาษา การพูด การสื่อสาร
Artistic Intelligence ความฉลาดทางด้านความงาม ความสุนทรีย์ หรือด้านศิลปะต่างๆ ต้องเข้าใจว่าสวยคืออะไร ไม่สวยคืออะไร แม้จะมีความปัจเจกแต่ก็ยังมีความเป็น Common sense ร่วมกันอยู่ สามารถอธิบายได้ว่าทำไมแบบนี้ถึงสวยกว่าแบบนั้น
Numerical Intelligence ความฉลาดทางด้านการคิดคำนวน ซึ่งข้อนี้ Computer หรือ AI กินขาดมนุษย์แน่
การจะเป็น AI โดยสมบูรณ์ดูเหมือนจะไม่ง่าย เอาง่ายๆ แค่มนุษย์อย่างเราจะมีให้ครบทั้ง 8 ด้านในระดับพื้นฐานก็ยังไม่ง่ายเลยครับ
นี่คือเรื่องราวของ AI เบื้องต้น ลองมาทำความรู้จัก AI ประเภทหลักๆ กันอีกสักนิดดีกว่า
Classical AI
Classical AI อยู่ในช่วง 1950-1990 มันคือ AI แบบดั้งเดิมที่เราต้องสอนวิธีคิด วิธีทำให้ชัดเจน มนุษย์ยังคงเป็นผู้สอนหลักของ AI ประเภทนี้ เช่น AI ที่สามารถเล่นเกมกับเราได้ หรือ AI ที่สามารถตอบคำถามพื้นฐานจากการจำคีย์เวิร์ดหลักๆ ที่ถูกป้อนเข้ามาได้
Classical AI สำคัญคือต้องกำหนดกฏเกณฑ์การปฏิบัติที่ชัดเจนให้กับมัน หรือจะเรียกว่าเป็น Rules Base เช่น ถ้าเราสอน AI ว่าแอปเปิลคือผลไม้ และสอน AI ต่อว่าผลไม้ดีต่อสุขภาพ AI จะสามารถเข้าใจได้ว่าถ้าอย่างนั้น Apple ก็ดีต่อสุขภาพซิ ถ้าเมื่อไหร่มีคนถามว่าแอปเปิ้ลดีต่อสุขภาพมั้ย มันก็จะตอบว่า “ดีซิ เพราะแอปเปิ้ลเป็นผลไม้”
นี่คือการกำหนดกฏเกณฑ์ที่ชัดเจน อารมณ์แบบ IF ELSE ครับ
ยังมีอีกหลาย Logic หรือ Algorithm ที่น่าสนใจใน Classical AI ไม่ว่าจะเป็น Modelling Changes คือการสอนให้ AI เข้าใจความสัมพันธ์ของแต่ละสิ่ง เช่น ถ้าเมฆเยอะก็เป็นได้ว่าฝนจะตก หรือ Model Uncertainty การหาตัวแปรที่มีความสัมพันธ์กัน เช่น ฝนตกรถมักจะติดใช่มั้ย
หรือโมเดลประเภท Automated Advice ที่ใช้ประสบการณ์ความฉลาดของคนสอน AI เข้าไป เพื่อให้ AI สามารถตอบคำถามหรือแก้ปัญหานั้นได้แทนคน ส่วนถ้าเจอคำถามใหม่ที่มันไม่เคยรู้มันก็จะส่งกลับมาถามคน เมื่อคนตอบเข้าไปก็จะถูกนำไปใช้ตอบผู้ถามอีกที
ขอยกตัวอย่างรวมๆ ประมาณนี้ จริงๆ ยังมีรายละเอียดอีกมาแต่ให้เล่าทั้งหมดคงไม่ไหว มาเข้าสู่ช่วงท้ายเล่ม คำถามน่าคิดกับ AI สักหน่อย
Philosophical Zombies ทำโดยเข้าใจเจตนาหรือเปล่า
เมื่อ AI เรียนรู้ที่จะเลียนแบบหรือทำตามมนุษย์ จนทำให้เกิดคำถามว่ามันแค่ทำตามจากสิ่งที่เห็น หรือมันทำตามเพราะมันเข้าใจจริงๆ ว่ามนุษย์คิดและรู้สึกแบบนี้
ถ้า AI เห็นมนุษย์กินไอศกรีมแล้วทำสีหน้าท่าทางพร้อมกับพูดว่า “อร่อยจัง” แล้ว AI ก็เลียนแบบตามนั้นเมื่อกินไอศกรีม คำถามสำคัญจริงๆ คือมันรู้มั้ยว่าไอศกรีมนั้นอร่อยจนทำให้มนุษย์ต้องแสดงออกแบบนั้น
ถ้า AI ไม่เข้าใจมันอาจแสดงออกว่าอร่อยทุกครั้งได้ ทั้งที่บางครั้งไอศกรีมนั้นอาจไม่ได้รสชาติอร่อยสักเท่าไหร่
หรือ AI อาจเริ่มแยกแยะความอร่อยของมนุษย์ออกจากการรับรู้ข้อมูลรสชาติไอศกรีมต่างๆ มันเรียนรู้ว่ารสแบบนี้คืออร่อยของมนุษย์ จากการที่มนุษย์แสดงออกทางสีหน้าท่าทาง กับรสแบบนี้คือไม่อร่อยของมนุษย์ จากการที่มนุษย์แสดงสีหน้าท่าทางอีก
แล้วทีนี้ถ้าเกิดมนุษย์กลุ่มนึงตั้งใจหลอก AI ให้เข้าใจผิดด้วยการแกล้งทำหน้าอร่อยกับไอศกรีมรสชาติที่แย่ แล้วแกล้งทำท่าไม่อร่อยกับไอศกรีมที่อร่อยจริงๆ เจ้า AI จะรับรู้มั้ย หรือ AI ทำได้แค่เลียนแบบมนุษย์ไปเท่านั้น
Power of Exploitation เบื้องหลัง AI อาจเป็นมนุษย์ที่ถูกกดขี่
ในอนาคตอันไกลจะมีคนที่ได้ประโยชน์จาก AI มากๆ อยู่จำนวนน้อยนิด และมนุษย์ที่ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียง อาจเป็นได้แค่ผู้ช่วยฝึกสอน AI ให้ฉลาดขึ้นด้วยค่าแรงอันน้อยนิด เพื่อให้ AI นั้นกลับไปรับใช้มนุษย์ผู้ร่ำรวยอีกทีหนึ่ง
น่าคิดว่าถ้าสังคมมนุษย์เป็นแบบนั้นจริง มนุษย์ชั้นล่างมีสถานะที่ต่ำกว่า AI ที่คั่นอยู่ตรงกลางกับมนุษย์ชั้นบน โลกมนุษย์จะเป็นอย่างไร เราจะรู้ไหมว่าเบื้องหลัง AI ที่แสนรู้ใจนั้นเต็มไปด้วยมนุษย์ที่แสนทนทุกข์ทรมานอยู่
สรุปหนังสือ Simply AI, Facts Made Fast
นี่คือหนังสือที่เล่าเรื่อง AI ยากๆ ให้เข้าใจง่าย ให้เข้าใจตั้งแต่จุดเริ่มต้น จุดเปลี่ยน จนถึงปัจจุบันของ AI ว่ามีอะไรบ้าง และถูกนำไปใช้แบบไหนบ้างแล้ว
สำคัญมากที่เราทุกคนจำเป็นจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่อง AI Literacy เพราะเราก้าวเข้าสู่ยุค AI เรียบร้อยแล้ว ทุกสิ่งรอบตัวล้วนมี AI แทรกอยู่ไม่มากก็น้อย อย่างระบบแนะนำคำที่เรากำลังจะพิมพ์ ทำให้เราสามารถพิมพ์ได้เร็วขึ้น หรือระบบคัดกรองรูปภาพในโซเชียลมีเดีย
หรือการที่เราเห็นโพสใดก็ตามบนหน้าฟีดล้วนมาจากการที่ AI คัดมาให้ทั้งนั้น ดังนั้นการรู้และเข้าใจไว้ว่า AI ทำงานอย่างไร ทำให้เราสามารถคิดล้ำหน้า AI ไปได้หนึ่งขั้น ทำให้เราไม่ถูก Manipulate ชักจูงจากเจ้าของ AI ว่าอยากให้เราคิดหรือตัดสินใจอย่างไร เหมือนที่เกิดขึ้นมาแล้วนับต่อนับ
อ่านแล้วเล่า เล่มที่ 24 ของปี
สรุปหนังสือ Simply AI, Facts Made Fast สำนักพิมพ์ DK
จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/
สรุปหนังสือ You Look Like a Thing and I Love You หรรษาปัญญาประดิษฐ์ หนังสือที่มาบอกเล่าอธิบายว่าปัญญาประดิษฐ์ AI หรือ Algorithm นั้นทำงานอย่างไร เพราะวันนี้เราอยู่ในยุค AI Driven Everything โดยไม่รู้ตัวมากขึ้นทุกวัน ดังนั้นการเข้าใจว่า AI ที่เราใช้อยู่มันให้คำตอบหรือแสดงผลแบบนี้ เพราะมันมีชุดความคิด Algorithm แบบไหน เพื่อที่เราจะได้รู้เท่าทันว่าจะใช้งาน AI รอบตัวอย่างไรให้เกิดประโยชน์มากที่สุดครับ อย่างไร ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI อยู่รอบตัวและอยู่ในมือเราทุกคนแล้ว โทรศัพท์มือถือที่เราใช้ก็เต็มไปด้วย AI ไม่ว่าจะเป็น AI ใน TikTok ที่มันเรียนรู้จากพฤติกรรมการชอบดูคลิปของเราว่าเราน่าจะชอบดูคลิปแบบไหน หรือ Facebook เองที่มักจะฉลาดในการแนะนำโฆษณาแบบรู้ใจ เสมือนว่ามันแอบฟังเราว่าเราพูดหรือคิดอะไร ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ต้องฟังก็รู้ได้ แค่เรากดอะไรนิดหน่อยมันก็จับสัญญาณได้แล้วรู้เลย หรือ AI ในแป้นพิมพ์มือถือ ที่พอเราพิมพ์ไปไม่กี่ตัวอักษร ข้อความเต็มๆ ก็มักจะโผล่ขึ้นมาอย่างแม่นยำ จนทำให้เราประหยัดเวลาการพิมพ์ไปได้มาก ยังไม่พูดถึง […]
สรุปหนังสือฉลาดกว่า AI ฉบับแปลไทยของสำนักพิมพ์ Amarin How To เล่มนี้ เขียนที่หน้าปกบอกว่าเป็นหนังสือ AI ที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่น เป็นหนังสือที่ผมได้รับมานานมาก แต่ก็เพิ่งจะได้อ่านจบเอาเมื่อตอนปลายปี 2022 เอง เรียกว่าเป็นหนังสือ AI ที่ไม่ต้องแบกกระไดมาอ่าน เพราะไม่ได้ใช้ศัพท์แสงสูงอะไรมาก เรียกได้ว่าเล่าเรื่อง AI ในภาษาชาวบ้านที่ใครๆ ก็อ่านเข้าใจได้ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้บอกเรื่องเทคนิคใดๆ ให้ปวดหัว แต่บอกเปรียบเปรยว่า AI ในวันนั้น(วันที่เขียนหนังสือเล่มนี้) นั้นฉลาดขนาดไหน หลายส่วนก็ยังคงคล้ายกับความสามารถของ AI ในปัจจุบัน ซึ่งที่หลายคนกังวลว่าเราจะตกงานเพราะ AI ใช่หรือไม่ ส่วนตัวผมบอกได้เลยว่าทั้งใช่และไม่ใช่ ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะปล่อยให้ตัวเองตกรุ่นไวขนาดนั้นหรือเปล่า เพราะการก้าวเข้ามาของ AI Disruption คือการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน การใช้ชีวิต อุตสาหกรรมทั้งหลายและธุรกิจทั้งหมด ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เหมือนกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุคก่อน ทำให้ชนชั้นแรงงานจำนวนมากไม่มีงานทำ เพราะมีเครื่องจักรออกแรงแทน โดยเฉพาะงานที่ต้องทำซ้ำๆ ซากๆ เป็นแพทเทิร์นเดิมๆ ทั้งหลาย งานเหล่านี้ล้วนเอาเครื่องจักรมาแทนได้สบาย เหมือนที่ Adam Smith บิดาแห่งเศรษฐศาสตร์ […]