สรุปหนังสือ แบบสั้นๆเข้ากับสุภาษิตไทยว่า “ปากไม่ตรงกันใจ” เพราะคนเรามักถามอย่างตอบอย่าง ต่อให้เป็นการทำแบบสอบถามแบบปกปิดชื่อก็ยังไม่ค่อยอยากจะตอบความจริงกันเลย แต่สิ่งเดียวที่เรายอมบอกความจริงทุกอย่าง จนแม้แต่มันไม่ได้ถามเราก็อยากจะบอกเพื่อเอาคำตอบจากมัน นั่นก็คือ Google
ตั้งแต่ Google ถือกำเนิดขึ้น มนุษย์ทุกผู้คนก็ไม่เคยปิดบังความจริงอะไรจากกูเกิลเลย และทั้งหมดที่เราบอกกับกูเกิลหรือช่องเสริชของเว็บต่างๆ ก็ถูกรวบรวมเอามาตีแผ่พฤติกรรมอีกด้านของมนุษย์ที่เราคาดไม่ถึง แน่นอนว่าคาดไม่ถึงเพราะโดยเฉพาะในเรื่องรสนิยมทางเพศ ที่คราวนี้จะถูกเอามาแฉผ่าน Big Data
จะแค่ Data หรือ Big Data ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า Data นั้นบอกอะไรที่สำคัญหรือไม่ เพราะ Big Data จะมีค่าได้ก็ด้วย Data Science หรือการค้นหาความหมาย ความเชื่อมโยง หรือนัยยะที่ซ่อยอยู่ใน Data นั้น
ดังตัวอย่างในเล่มที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ครับ
ด้วยเครื่องมือ Google Trend ง่ายๆที่ใครๆก็ใช้ได้ สามารถเอามาทำนายผลการเลือกตั้งได้แบบที่โพลสำนักไหนก็บอกไม่ได้ใกล้เคียงขนาดนี้
Big Data เกิดขึ้นมาเพื่อกำจัดอุปสรรคเดิมๆของมนุษยชาติ นั่นก็คือ “ความเชื่อ” แต่ความเชื่อในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความเชื่อในด้านศาสนา แต่เป็นความเชื่อในทำนองที่ว่า “ชั้นเชื่อว่า” ที่มาจาก data อันน้อยนิดจากประสบการณ์เรานี่แหละครับ
เหมือนเราเชื่อว่าพายุทอร์นาโดนั้นอันตรายกว่าโรคหืดหอบ ทั้งที่ความเป็นจริงตาม data แล้ว โรคหืดหอบทำให้คนตายมากกว่าพายุทอร์นาโดเยอะเลยครับ
และก็เข้าสู่พาร์ทที่น่าสนใจที่สุดในเล่ม นั่นก็คือ Insight in Data ที่บอกให้รู้ว่าคนส่วนใหญ่นั้นมีรสนิยมทางเพศแปลกประหลาดสุดโต่งกว่าโพลใดจะบอกได้แค่ไหน เพราะเมื่ออยู่หน้าจอแบบส่วนตัว เราก็บอกทุกสิ่งที่เราอยากรู้ให้ช่องเสริชรับรู้ด้วย
และ Data นี้ก็มีจากเว็บหนังโป๊ชื่อดังของโลก นั่นก็คือ Pornhub ที่พร้อมไขความลับเรื่องเพศให้คุณรู้ พร้อมหรือยังครับ ถ้าพร้อมแล้วเชิญอ่านต่อได้เลย
ส่วนที่แปลกประหลาดจาก Data ยังมีไม่น้อย แต่เก็บเอาไว้ให้คุณไปเปิดอ่านเองแล้วกันนะครับ มนุษย์เรานี่ก็มีจินตนาการเรื่องเพศไม่น้อยหน้ากันทั้งสองเพศจริงๆครับ
ส่วนที่เราเคยเชื่อกันว่าพอคนว่างงานก็น่าจะเข้าเว็บหางานกันมากขึ้นแน่ๆ อยากจะบอกว่าเรื่องนี้จริงแค่นิดหน่อย แต่จาก Data บอกว่าสิ่งที่คนเราเสริชหามากที่สุดในช่วงว่างงานหรือเศรษฐกิจตกต่ำไม่ใช่ “หางาน” หรอก แต่เป็น “เว็บโป๊” ต่างหาก
และในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำจนคนว่างงานสูง Data ก็ทำให้พบความจริงที่น่าเศร้าว่าพ่อแม่ชอบทำร้ายลูกในช่วงนั้นมากเป็นพิเศษ
แม้ข่าวจะรายงานว่ามีการแจ้งความทำร้ายร่างกายเด็กในครอบครัวต่ำลงมากเป็นประวัติการ แต่จาก Data ของพฤติกรรมการเสริชใน Google ไม่บอกแบบนั้น เพราะพบว่ามีการเสริชหาคำว่า “พ่อตีหนู” หรือ “แม่ทำร้ายฉัน” มากเป็นพิเศษ และพอดูจากรูปคำก็พอให้รู้ว่าคนที่ค้นหาคำนั้นคือเด็ก เด็กในบ้านที่ถูกตีพยายามหาคำตอบและหาทางออกด้วย Google
Big Data ไปได้ดีในวงการแข่งม้าอย่างไม่น่าเชื่อ จากเดิมที่การเลือกม้าซักตัวจะมาจากประวัติของพ่อพันธุ์แม่พันธุ์มัน ว่าพ่อแม่มันนั้นเคยเป็นม้าแข่งที่ได้รางวัลหรือไม่ จากนั้นก็จะประมูลกันอย่างบ้าเลือด แต่มีชายคนนึงเข้ามาเปลี่ยนวิธีการเลือกม้าไปตลอดกาลด้วย Data หรือการใช้ Data Science เพื่อหาความสัมพันธุ์ของม้าที่ดีกับม้าที่ไม่ดีอย่างเป็นวิทยาศาสตร์และทำซ้ำได้ครับ
ชายคนนั้นชื่อว่าเซเดอร์ เค้าค้นพบความสัมพันธุ์ใน Data ของม้าแข่งที่ชนะบ่อยๆว่า ม้าที่ดีขึ้นอยู่กับขนาดของหัวใจและโพรงสมองด้านซ้าย และม้าม กับท่าก้าวขาของม้าบางท่าก็มีผลต่อความสำเร็จบนสนามแข่งของม้าแต่ละตัว
ดังนั้นการใช้เครื่องอัลตราซาวน์สแกนอวัยวะภายในของม้าเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการม้าแข่ง เพราะไม่เคยมีใครคิดวัด data ของแม้าแต่ละตัวอย่างจริงจัง ไม่เคยมีใครหาความสัมพันธุ์ของม้าแข่งแต่ละตัวที่ชนะ
ห้าง Walmart เองก็พบ data สำคัญสำหรับเพิ่มยอดขายว่าหลังพายุเฮอร์ริเคนผ่านไป คนส่วนใหญ่ต้องการอะไร แล้วก็สต็อกสินค้าที่คนต้องการล่วงหน้าไว้ที่สาขาใกล้เคียงแต่ไม่มีพายุเข้ามา พอพายุผ่านไปผู้คนเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยก็รีบเอารถขนไปไว้ที่สาขานั่น และสิ่งที่ Data บอกว่าคนต้องการ “พายสตรอเบอร์รี่” มากจนยอดขายพุ่งขึ้นถึง 7 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงปกติครับ
จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/
สรุปหนังสือ You Look Like a Thing and I Love You หรรษาปัญญาประดิษฐ์ หนังสือที่มาบอกเล่าอธิบายว่าปัญญาประดิษฐ์ AI หรือ Algorithm นั้นทำงานอย่างไร เพราะวันนี้เราอยู่ในยุค AI Driven Everything โดยไม่รู้ตัวมากขึ้นทุกวัน ดังนั้นการเข้าใจว่า AI ที่เราใช้อยู่มันให้คำตอบหรือแสดงผลแบบนี้ เพราะมันมีชุดความคิด Algorithm แบบไหน เพื่อที่เราจะได้รู้เท่าทันว่าจะใช้งาน AI รอบตัวอย่างไรให้เกิดประโยชน์มากที่สุดครับ อย่างไร ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI อยู่รอบตัวและอยู่ในมือเราทุกคนแล้ว โทรศัพท์มือถือที่เราใช้ก็เต็มไปด้วย AI ไม่ว่าจะเป็น AI ใน TikTok ที่มันเรียนรู้จากพฤติกรรมการชอบดูคลิปของเราว่าเราน่าจะชอบดูคลิปแบบไหน หรือ Facebook เองที่มักจะฉลาดในการแนะนำโฆษณาแบบรู้ใจ เสมือนว่ามันแอบฟังเราว่าเราพูดหรือคิดอะไร ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ต้องฟังก็รู้ได้ แค่เรากดอะไรนิดหน่อยมันก็จับสัญญาณได้แล้วรู้เลย หรือ AI ในแป้นพิมพ์มือถือ ที่พอเราพิมพ์ไปไม่กี่ตัวอักษร ข้อความเต็มๆ ก็มักจะโผล่ขึ้นมาอย่างแม่นยำ จนทำให้เราประหยัดเวลาการพิมพ์ไปได้มาก ยังไม่พูดถึง […]