ลองมาดูตัวอย่าง Case Study ของ Makoto Marketing การตลาดแบบจริงใจสไตล์ญี่ปุ่นกันว่ามีเรื่องไหนบ้างที่ประทับใจผมเป็นพิเศษ (แม้ทั้งเล่มจะประทับใจผมทั้งหมดก็ตาม)
Omatsuri Japan แพลตฟอร์มตัวกลางจัดงานอีเวนต์ที่ทำให้ทุกฝ่าย วิน วิน และ วิน กันไปหมด
https://omatsurijapan.com/
การจัดอีเวทต์ที่เคยมี Pain Point ว่าคนอยากจัดงานแต่ขาดสปอนเซอร์งาน คนอยากไปงานอีเวนต์แนวที่ตัวเองชอบก็ไม่รู้ว่ามันมีที่ไหนบ้าง ส่วนแบรนด์ก็อยากหาอีเวนต์ที่ใช่เพื่อเข้าไปสปอนเซอร์ก็หาไม่ค่อยเจอ อารมณ์เหมือนสามคนเดินตามหากัน แต่ก็ไม่เคยได้เจอกัน จนกระทั่งได้เจอ Omatsuri Japan บริษัทที่รวบรวมงานเทศกาลต่างๆ เข้าไว้ในที่เดียว ให้ทั้งสามฝ่ายได้เจอกันได้ไวและก็ตัดสินใจทำอะไรได้เร็วครับ
หรือที่ผมรับทำ Data Research จาก Social Listening ก็เหมือนกัน ทั้งที่บริษัท Social Listening ทั้งหลายเองก็รับทำ แต่ผมรู้สึกว่าสมัยก่อนเวลาผมได้ Report มาผมกลับอ่านแล้วไม่เกิด Inspiration ไม่เกิดปิ๊งไอเดียจากรีเสิร์จที่ได้เท่าไหร่เลย
ผมเลยลงมือทำมันขึ้นมาเองกับทีม จนพบว่าแบบนี้เวิร์คกว่า ทำไปทำมาคนอื่นก็มาขอให้ทำ จนได้ทำตั้งแต่แบรนด์เล็กระดับ SME ไปจนถึงหน่วยงานภาครัฐที่มีความตั้งใจดี และล่าสุดก็คือหน่วยงาน UNDP ที่จะถูกนำไปใช้วางแผนนโยบายร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในการพัฒนาชีวิตคนไทยให้มีสุขภาพดีขึ้น
อย่างเวลาผมทำ Data Research จาก Social Listening ให้ลูกค้า ผมและทีมก็ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพราะทุกครั้งที่เราทำงานไปเราจะคิดถึงหน้าลูกค้าคนรับ Report จากเราเสมอ
แผนที่ หรือถ้าพูดให้ใกล้ตัวหน่อยก็ Google Maps ใช้ง่ายใช่มั้ยครับ ตั้งแต่เรามี Google Maps ติดมือถือไว้จะเดินทางไปไหนที่ไม่เคยไป ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปใช่ไหมครับ
จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/
สรุปหนังสือย่องเบาเข้าญี่ปุ่น หนังสือแนวใหม่สำหรับผม เป็นแนวออกจะไปทางนวนิยายเรื่องแต่งผสมเกร็ดความรู้บนเรื่องจริง ฉะนั้นเลยขอสรุปเฉพาะเกร็ดความรู้เรื่องญี่ปุ่นที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนและคิดว่าน่าสนใจแทนแล้วกันนะครับ Made in USA คือผลิตในเมืองยูซ่าประเทศญี่ปุ่น ต้องบอกก่อนว่าประเทศญี่ปุ่นในยุคแรกเริ่มสร้างประเทศ ก็เริ่มจากเป็นประเทศแรงงานราคาถูก ผลิตสินค้าเลียนแบบตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ก่อนจะกลายเป็นมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีผู้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ มากมายในวันนี้ ณ วันนั้นสินค้าที่คนอเมริกาชอบ และคนในประเทศต่างๆ ทั่วโลกชอบก็หนีไม่พ้นสินค้าที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา หรือ Made in U.S.A. ก็ในเมื่อผู้คนต่างชอบจะซื้อสินค้าที่มีตราว่าผลิตในอเมริกามาก ญี่ปุ่นก็เลยเกิดไอเดียว่าถ้างั้นเราเอาเมืองหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นเราที่ชื่อว่า ยูซ่า (ไม่รู้ว่าเมืองนี้มีจริงมาตั้งแต่ต้นไหม หรือเพิ่งมาคิดเอาได้ว่าต้องมีแล้วจึงสร้างมันขึ้นมา) ก็เลยผลิตสินค้าเลียนแบบฝั่งอเมริกาแล้วก็ติดป้ายว่า Made in USA ที่ไม่ได้หมายถึงประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะถ้าเป็นแบบนั้นต้องเขียนโดยมีจุดตัวย่อว่า U.S.A. ถึงจะเท่ากับ United State of America เรียกได้ว่าหัวหมอยิ่งกว่าคนจีนที่เราเชื่อกัน เรื่องนี้กลายเป็นคดีความกันยกใหญ่ในเวลานั้น แต่สุดท้ายญี่ปุ่นก็ชนะไปด้วยการบอกว่าเราไม่ได้โกหกว่าผลิตในอเมริกา แต่มันคือการผลิตในเมืองอุษาประเทศญี่ปุ่น แล้วพอเขียนเป็นภาษาอังกฤษก็คือ USA ที่บังเอิญคล้ายชื่อย่อสหรัฐอเมริกาไงเล่า!! จากการเลียนแบบนานวันเข้าก็กลายเป็นการเรียนรู้ที่จะสร้างนวัตกรรมของตัวเอง นานไปกว่านั้นจากนักปลอมของคนอื่น กลายเป็นผู้สร้างความเป็นของแท้ Original แบบ Japan ที่ชาติอื่นๆ อยากเลียนแบบแทนมากมาย ด้วยความที่คนญี่ปุ่นก็ชอบคิดนอกกรอบ คิดอะไรที่หลุดโลกแบบสุดๆ […]