5 เครื่องมือสำคัญในการบริหารร้านให้ประสบความสำเร็จ
สรุปหนังสือ 5 เครื่องมือสำคัญในการบริหารร้านให้ประสบความสำเร็จ ที่ว่าด้วยการจัดการร้านอาหารเล่มนี้ เมื่ออ่านจบผมพบว่าต่อให้ไม่ใช่เจ้าของร้านอาหาร หรือไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านอาหารโดยตรงก็ควรอ่าน เพราะหนังสือเล่มนี้สอนวิธีการบริหารจัดการปัญหาเฉพาะหน้าให้กับร้านค้าต่างๆเอาไปประยุกต์ใช้ในแบบของตัวเองได้ ตั้งแต่การดูต้นทุนให้ออก การรับมือกำลูกน้องที่คุมยาก หรือการทำให้ทีมจากที่ชอบทะเลาะกันหันมาจับมือสามัคคีกัน ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงเหมาะกับทุกคนที่ผมมั่นใจว่าไม่ว่าใครอ่านก็ต้องสนุกและเข้าใจตามได้ไม่ยาก ที่สำคัญหนังสือเล่มนี้เล่าด้วยภาพ หรือเป็นการ์ตูนครับ ดังนั้นยิ่งอ่านไปก็ยิ่งสนุก และเนื้อหาแต่ละตอนก็สั้นๆไม่ยืดยาวย้วยแต่อย่างไร เริ่มต้นที่ปัญหาของร้านอาหารซักแห่งหนึ่ง จากนั้นพระเอกที่ชื่อว่า มาสะ ก็จะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาของแต่ละร้านอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ จนสามารถทำให้ปัญหานั้นทุเลาด้วยดีได้ในที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะแฮปปี้เอนดิ้งทุกเคสเสมอไป ก็จะมีบางเคสที่เจ้าของร้านหรือผู้จัดการดื้อแพ่งไม่ยอมทำตาม สุดท้ายก็ต้องปิดกิจการปิดร้านของตัวเองไปในที่สุดครับ ผมขอหยิบเนื้อหาบางส่วนในเล่มมาสรุปให้ฟังกัน โดยเป็นปัญหาที่ไม่ต้องเป็นร้านอาหารก็พบเจอได้ทั่วไปแม้แต่ในออฟฟิศสำนักงานก็ตามครับ อย่างการทะเลาะเบาะแว้งกันของพนักงานในบางครั้งก็อาจมาจากการไม่แบ่งหน้าที่ให้ชัดเจน เหมือนร้านอาหารหนึ่งในเล่าที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสามีภรรยา ที่ไม่ยอมแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบให้ขาด ทำให้เกิดปัญหาการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ จนถึงขั้นเหน็บแนมและด่ากันให้ลูกค้าคนนอกได้ยิ่งในที่สุด ซึ่งปัญหานี้แก้ได้ด้วยการแบ่งหน้าที่กันให้ชัดเจน คนนึงรับผิดชอบในครัว คนนึงรับผิดชอบหน้าร้าน แล้วตกลงกันว่าแต่ละฝ่ายจะไม่ไปก้าวก่ายพื้นที่การรับผิดชอบของอีกฝ่ายโดยเด็ดขาด แน่นอนว่าไม่มีใครทำอะไรได้ถูกใจเราร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็อย่าลืมว่าเราเองก็ไม่ทางทำถูกใจอีกฝ่ายร้อยเปอร์เซ็นต์เช่นกัน ดังนั้นทางแก้คือถ้าเราเชื่อว่าแต่ละคนทำงานด้วยใจที่มุ่งมั่นว่าอยากให้ผลลัพธ์ออกมาดี ก็ต้องทั้งวางใจ ไว้ใจ และให้เกียรติอีกฝ่ายในการรับผิดชอบเนื้องานของตัวเองให้เต็มที่ครับ แล้วถ้าปัญหาการทะเลาะกันของพนักงานมาจากการที่แต่ละฝ่ายว่างเกินไป หรือเพราะได้รับมอบหมายงานที่ง่ายเกินไป จนทำให้มีเวลาว่างมากพอที่จะไปพูดจาแดกดันกัน สิ่งที่หัวหน้าต้องทำก็คือการมอบหมายงานใหม่ๆที่ยากขึ้น เพื่อให้แต่ละฝ่ายไม่มีเวลาว่างที่จะเปิดศึกกัน แถมถ้าต้องทำงานต่อเนื่องกันก็จะยิ่งเห็นอกเห็นใจกันขึ้นมาโดยอัตโนมัติ (ถ้าไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลวร้ายเกินไปนะ) จนในที่สุดจากความไม่ถูกกันก็จะพลอยทำให้กลายเป็นเพื่อนซี้กันไปในที่สุด มนุษย์เรานี่ก็แปลกนะครับ พอไม่มีศัตรูก็หันมาทำลายกันเอง ดังนั้นหัวหน้าที่ฉลาดต้องมอบหมายศัตรูร่วมให้ช่วยกันทำลายขึ้นมาครับ แล้วถ้าพนักงานขาดความกระตือรือร้นล่ะ จะแก้อย่างไร? เรื่องนี้ไม่ยากขอแค่หัวหน้างานต้องเข้าใจว่าลูกน้องแต่ละคนมีฝันอะไรในชีวิตครับ เมื่อเราเข้าใจฝันของลูกน้องแล้ว […]