Big Data ดัดจริต
สรุปหนังสือ แบบสั้นๆเข้ากับสุภาษิตไทยว่า “ปากไม่ตรงกันใจ” เพราะคนเรามักถามอย่างตอบอย่าง ต่อให้เป็นการทำแบบสอบถามแบบปกปิดชื่อก็ยังไม่ค่อยอยากจะตอบความจริงกันเลย แต่สิ่งเดียวที่เรายอมบอกความจริงทุกอย่าง จนแม้แต่มันไม่ได้ถามเราก็อยากจะบอกเพื่อเอาคำตอบจากมัน นั่นก็คือ Google ตั้งแต่ Google ถือกำเนิดขึ้น มนุษย์ทุกผู้คนก็ไม่เคยปิดบังความจริงอะไรจากกูเกิลเลย และทั้งหมดที่เราบอกกับกูเกิลหรือช่องเสริชของเว็บต่างๆ ก็ถูกรวบรวมเอามาตีแผ่พฤติกรรมอีกด้านของมนุษย์ที่เราคาดไม่ถึง แน่นอนว่าคาดไม่ถึงเพราะโดยเฉพาะในเรื่องรสนิยมทางเพศ ที่คราวนี้จะถูกเอามาแฉผ่าน Big Data จะแค่ Data หรือ Big Data ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า Data นั้นบอกอะไรที่สำคัญหรือไม่ เพราะ Big Data จะมีค่าได้ก็ด้วย Data Science หรือการค้นหาความหมาย ความเชื่อมโยง หรือนัยยะที่ซ่อยอยู่ใน Data นั้น ดังตัวอย่างในเล่มที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ครับ ด้วยเครื่องมือ Google Trend ง่ายๆที่ใครๆก็ใช้ได้ สามารถเอามาทำนายผลการเลือกตั้งได้แบบที่โพลสำนักไหนก็บอกไม่ได้ใกล้เคียงขนาดนี้ ตอนเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อครั้งโอบามา ผู้เขียนพบว่าคะแนนของโอบามาในครั้งนั้นสัมพันธ์อย่างมีนัยยะสำคัญกับการข้อความค้นหาที่เกี่ยวกับ “การเหยียดสีผิว” ผู้เขียนพบว่าในรัฐไหนที่มีการค้นหาการเหยียดสีผิวมาก คะแนนของโอบามาในรัฐนั้นก็จะได้น้อย ซึ่งพอเอาแผนที่ทั้งประเทศมากางเปรียบเทียบกับผลจากคะแนนเลือกตั้งดู ก็พบว่าใกล้เคียงกันจนน่าทึ่งเลยครับ หรือกับพฤติกรรม “ลำดับของคำที่ใช้ในการค้นหา” ก็พอบอกได้ว่าผู้สมัครคนไหนจะได้คะแนนโหวตดีในพื้นที่นั้น เพราะจาก […]