500 ล้านปีของความรัก เล่ม 2
สรุปหนังสือ 500 ล้านปีของความรัก เล่ม 2 ว่าด้วยเรื่องของวิทยาศาสตร์ของอารมณ์ความรักและความเกลียดชัง ถ้าใครเคยอ่าน 500 ล้านปีของความรักเล่มแรกแล้วจะรู้ว่ามันสนุกมาก มากจนไม่น่าเชื่อว่าหนังสือเล่มที่ดูใหญ่ๆ หนาๆ จะอ่านจบได้เร็วมากกว่าที่คิดไว้ตอนจะหยิบอ่าน เล่มที่สองนี้ก็เหมือนภาคต่อของเล่มแรก แต่ถ้าใครยังไม่เคยอ่านเล่มแรกผมก็คิดว่าคุณสามารถเริ่มอ่านจากเล่มสองแล้วค่อยย้อนกลับไปอ่านเล่มแรกตอนที่อ่านเล่มนี้จบก็ได้ครับ หนังสือเล่มนี้ทำให้เราเข้าใจประวัติศาสต์ที่มาที่ไปของมนุษย์ ที่สามารถหาคำมาอธิบายได้ว่าทำไมมนุษย์เราถึงชอบนินทา ทำไมมนุษย์เราถึงชอบดูกีฬา หรือแม้กระทั่งทำไมมนุษย์เราบางคนถึงเจ้าชู้ได้มากกว่าปกติ หรือแม้แต่เรื่องที่ดูเป็นเหตุและผลอย่างศีลธรรมในมนุษย์เรานั้นแท้จริงแล้วก็เป็นเรื่องของพันธุกรรมที่ไม่ต้องมีใครมาสอนว่าอะไรถูกหรือผิด แต่มนุษย์เราก็สามารถเข้าใจถูกหรือผิดได้เองตั้งแต่ยังเป็นทารกครับ ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงเหมือนเป็นคู่มือในการเข้าใจตัวเรา จิตใจเรา ความคิดและการตัดสินใจของเรา ว่าทำไมเราถึงทำแบบนี้ ทำไมเขาถึงทำแบบนั้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านหนังสือ 500 ล้านปีของความรักทั้งสองเล่มจบผมว่าคุณจะเป็นมนุษย์ผู้เข้าใจมนุษย์ได้ดีกว่ามนุษย์ทั่วไปเลยล่ะครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอเริ่มการสรุปหนังสือ 500 ล้านปีของความรักเล่มที่สองนี้ไปเรื่อยๆ แบบเล่าสู่กันฟัง แล้วถ้าใครอ่านสรุปนี้แล้วอยากสั่งซื้อผมก็จะมีลิงก์ให้ตอนท้ายครับ ทำไมมนุษย์ถึงชอบเรื่องน้ำเน่า? เพราะเรื่องน้ำเน่าเป็นอะไรที่สามารถอินร่วมกันข้ามเพศและวัยได้ไม่ยาก เหมือนธรรมชาติของมนุษย์สร้างเรามาให้มีอารมณ์ร่วมกับเรื่องน้ำเน่าได้ดีตั้งแต่เกิด ดังนั้นถ้าใครอยากหาทางผูกสัมพันธ์กับคนอื่นที่ต่างเพศหรือต่างวัย ผมแนะนำว่าให้ลองเปิดหนังน้ำเน่าดูร่วมกัน แล้วคุณจะเกิดความสนิทสนมกันเร็วกว่าที่คิดไว้ครับ น้ำหยดลงหินไม่ใช่แค่คำพังเพยเชยๆ แต่เป็นเรื่องจริงที่พิสูจน์มาแล้ว น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน ประโยคนี้บอกให้รู้ว่าอะไรก็ตามที่มีความสม่ำเสมอเป็นประจำนั้นย่อมสามารถพิชิตใจอีกฝ่ายได้แน่นอน และเรื่องนี้ก็มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มาแล้วว่าเป็นจริงครับ จากการทดลองพบว่าเมื่อคนเราได้เห็นหรือได้ยินอะไรบ่อยๆ เราก็จะเกิดความคุ้นเคยขึ้นมาโดยอัตโนมัติ และนั่นก็ส่งผลไปต่อความรู้สึกชอบของเราต่อสิ่งนั้นไปโดยไม่รู้ตัว เหมือนกันเพลงที่คุ้นเคยแม้ช่วงแรกจะไม่ชอบเลยแต่สักพักก็กลับร้องได้คล่องปาก ดังนั้นถ้าใครอยากให้อีกฝ่ายรู้สึกชอบเราเหมือนกันก็ต้องพยายามทำให้เขารู้สึกว่าคุ้นเคยด้วยการได้เห็นหรือได้คุยกับเราทุกวันนะครับ และจากความคุ้นเคยก็ไปอีกขั้นที่ความคล้ายๆ เชื่อมั้ยครับว่าคนเรามักจะชอบคนที่มีความคล้ายคลึงกับเราโดยไม่รู้ตัวและสิ่งนี้ก็เรียกว่า Mirroring Mirroring ถ้าอยากให้คนอื่นชอบก็แค่เลียนแบบท่าทางให้คล้ายเค้า จากการทดลองพบว่าถ้าบริกรคนไหนทำท่าทางเลียนแบบลูกค้าคนนั้นได้ […]