Digital Darwinism ปรับธุรกิจให้รอดในยุคดิจิทัล
“นวัตกรรมไม่ใช่สิ่งที่เข้ามาทำให้เราเปลี่ยน สิ่งที่ทำให้เราเปลี่ยนคือการที่ผู้บริโภครับเอานวัตกรรมนั้นมาใช้ต่างหาก” ประโยคนี้มาจาก Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งบริษัท Amazon ที่บอกให้เรารู้ว่า Digital ในวันนี้ไม่ใช่แค่ Tools หรือ Technology แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเราทุกคนไปถึงพื้นฐานทั้งหมดแล้ว และนั่นก็ย่อมส่งผลต่อธุรกิจทั้งหมดที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้คนด้วย นี่คือใจความสำคัญของ สรุปหนังสือ Digital Darwinism ปรับธุรกิจให้รอดในยุคดิจิทัล ปัญหาคือธุรกิจส่วนใหญ่ในวันนี้ยังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงตั้งแต่รากฐาน ยกตัวอย่างง่ายๆ จากการเข้าเช็คอินที่โรงแรม ที่เราอาจไม่รู้ว่าวิธีการเช็คอินเพื่อเข้าพักที่โรงแรมนั้นไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อ 150 ปีก่อนเลย ลูกค้า พนักงาน โต๊ะกั้น และข้อมูล สมัยก่อนลูกค้าเดินเข้ามา บอกชื่อที่จองไว้หรือสอบถามห้องพัก จากนั้นพนักงานจะดูจากสมุดให้ว่ายังมีห้องว่างมั้ย แล้วก็ค่อยยื่นกุญแจให้แขก จากนั้นพอทันสมัยหน่อยก็เปลี่ยนจากสมุดเป็นคอมพิวเตอร์ แต่ขั้นตอนทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม คือเราต้องเดินไปที่เคาเตอร์ แล้วก็บอกพนักงานให้ตรวจสอบข้อมูล แล้วค่อยส่งกุญแจให้เรา และแม้แต่ยุคดิจิทัลเต็มตัว ที่เราสามารถจองโรงแรมผ่านมือถือได้แม้อยู่ในห้องส้วม แต่เราก็ต้องไปติดอยู่ตรงเคาเตอร์ต้อนรับที่โรงแรมเหมือนเมื่อ 150 ปีก่อน ยิ่งถ้าเป็นช่วงเทศกาล คุณคงพอนึกภาพออกได้ไม่ยากว่าเสียทั้งเวลาและอารมณ์มากขนาดไหน นี่คือปัญหาของธุรกิจ บริษัท หรือองค์กรส่วนใหญ่ที่ยังไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง เพราะบริษัทส่วนใหญ่ในวันนี้ยังคงทำธุรกิจด้วยวิธีเดิมๆ แค่อัพเกรดเครื่องมือให้ใหม่ขึ้น แต่หาได้อัพเกรดวิธีการทำงานตั้งแต่พื้นฐานให้ใหม่ตามเทคโนโลยีไปด้วย ถ้าคุณยังนึกภาพไม่ออกว่าเทคโนโลยีนั้นเปลี่ยนพื้นฐานการใช้ชีวิตเราขนาดไหน ผมมีตัวอย่างสองเรื่องจากหนังสือเล่มนี้เล่าให้ฟังครับ เริ่มที่หลอดสีโลหะเปลี่ยนโลก […]