เขียนจากประสบการณ์ตรงของ 2 นักโฆษณามากฝีมือระดับโลกอย่าง Barry Wacksman เป็น Global Chief Strategy Officer และ Chris Stutzman อดีต Managing Director จากเอเจนซี่ระดับโลกอย่าง R/GA ที่ปีล่าสุดคว้าสิงโตคานส์มา 18 ตัว หนึ่งในนั้นเป็นสิงโต Grand Prix หนึ่งตัวจากสาขา Media
โฆษณาส่วนใหญ่จึงยังเน้นแต่เครื่องของ “Content” อย่างประโยคทองเชยๆที่คุ้นเคยกันว่า “Content is King”
แต่น้อยคนนักที่จะคิดว่าเหนือว่า King ก็ยังมี God และ God ที่ว่านั้นคือ “Content” หรือภาษาชาวบ้านลงมาอีกนิดก็คือบริบท สภาพแวดล้อม ความสนใจในตอนนั้น หรือสิ่งที่คนกำลังต้องการจริงๆ มากกว่าเนื้อหาที่หลอกล่อให้คนต้องสนใจ
แต่โฆษณาทุกวันนี้ดีขึ้นหน่อยด้วยดิจิทัลทำให้การ “ขัดจังหวะ” นั้น “เข้าจังหวะ” กับบริบทหรือ context ของคนมากขึ้น เช่น ตอนที่เราเปิดยูทูปเพื่อดู master chef ตอนล่าสุด เราอาจจะเจอกับโฆษณาคนอร์ก้อนสูตรใหม่ใช้แล้วเหมือน chef เอียน เราอาจจะคิดว่า “นั่นไงล่ะ ไม่ขัดจังหวะแล้วใช่มั้ยล่ะ”
จน Apple พบว่าผู้ใช้ลำบากในการหาแผ่นเพลง หรือโหลดเพลงผิดลิขสิทธิ์มาใส่ในเครื่องไม่น้อย ก็เพิ่มการขายเพลงเข้ามา แต่กว่าจะเจรจากับค่ายเพลงต่างๆได้ก็เล่นเอารากเลือด ค่ายเพลงใหญ่ๆอย่าง Sony ไม่เข้าร่วมด้วยในตอนนั้น เพราะตัวเองก็ทำเครื่องเล่น mp3 เหมือนกัน แต่หลังจาก iTune เปิดตัวระบบร้านขายเพลงออนไลน์ตัวเองขึ้นมา เท่านั้นแหละยอดขาย iPod กระหึ่มขึ้นกว่าเดิมจน Jobs เองมีงงมีบัญชีธนาคาร error รึเปล่า
แต่ Jobs ก็เก็บจะทำผิดพลาดด้วยการจะปิดระบบ ecosystem ของ iTune ให้อยู่แต่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของแมค ไม่ให้ windows มีส่วนร่วมด้วย เพราะ jobs คิดว่าถ้าคนสนใจ iTune ก็จะบังคับให้เค้าซื้อเครื่อง iMac ไปพร้อมกัน แต่เดชะบุญที่ Jobs ถูกกดดันจากหลายฝ่ายให้เปลี่ยนใจจนมีการเปิดตัว iTune บน Windows ผลที่ได้น่ะหรอ ยอดขายถล่มทลายกว่าเดิมอีก
เพราะ Apple เองเป็นแค่ตลาดเล็กๆ แต่ตลาด Windows ตอนนั้นใหญ่ถึง 95% ของระบบปฏิบัติการทั้งหมด ทำให้ Apple เองมียอดขายเพิ่มขึ้นมหาศาลจากตลาดที่ใหญ่โตมโหฬาร
ของชิ้นเดิม สามารถเพิ่มมูลค่าขึ้นได้ถ้าเรามองเห็นมูลค่าที่แท้จริงของมัน เราต้องมอง product ให้กลายเป็น service แล้วเราจะเห็นโอกาสที่มากจนเหมือนที่ jobs และ apple เดาไม่ออกกับ iTune มาก่อนแล้วก็ได้
iPhone ก็เหมือนกัน ใน iOS แรกของนั้นโปรแกรมทั้งหมดยังอยู่ในการสร้างและควบคุมดูแลของ Apple เอง 100% จน Jobs ขยับตัวเปลี่ยนใจเหมือนที่เคยทำกับ iTune ด้วยการเปิดเสรีให้นักพัฒนาอิสระเข้ามาสร้างแอพเพื่อสร้างมูลค่าของ iPhone ให้มากขึ้นภายใต้มาตรฐานของApple เอง จน App Store สร้างรายได้กว่า 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐในเวลาไม่กี่ปีหลังจากนั้น
ในอุตสาหกรรมรถยนต์เองก็เริ่มมองตัวเองใหม่ ว่าตัวเองเป็นแค่บริษัทผลิตและขายรถยนต์ออกไป หรือเป็นบริษัทที่มอบประสบการณ์การเดินทาง หรือพาผู้คนไปสู่จุดหมายปลายทางที่ต้องการมากกว่า Ford เริ่มขยายตลาดเข้าสู่การให้เช่ารถสำหรับกลุ่มนักศึกษา แต่ลึกๆก็คาดหวังว่าจะกลับมาเป็นลูกค้า Ford ในอนาคต
จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/