อ่านจบบอกได้เลยว่าถ้าผู้ชายคนไหนไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ถือว่าพลาดอย่างมาก เพราะคุณจะไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วผู้หญิงเมืองหลวงเค้าคิดอย่างไร ส่วนถ้าผู้หญิงคนไหนยังไม่ได้อ่านก็ถือว่าพลาดยิ่งกว่า เพราะคุณจะไม่รู้เลยว่าในชีวิตสาวโสดวัยเลข 3 นั้นมันช่าง Powerful ขนาดไหน
หนังสือ How to be Single in BKK City เล่มนี้ทำให้ผมนึกถึงซีรีส์เรื่อง Sex in the City ที่ผมชอบมาก เชื่อมั้ยว่าเห็นผมเป็นผู้ชายแบบนี้ผมดูครบทุก Season เพราะถ้า Sex in the City ทำให้คุณเข้าใจผู้หญิงสมัยใหม่ในเมืองนิวยอร์กเมื่อวันนั้นฉันใด หนังสือเล่มนี้ก็ทำให้เราเข้าใจภาพผู้หญิงหัวสมัยใหม่วัยเลข 3 ในกรุงเทพวันนี้ก็ฉันนั้น
สารภาพตรงๆก่อนว่าทีแรกที่ได้รับหนังสือเล่มนี้มาผมรู้สึกไม่ค่อยอยากอ่าน เพราะทีแรกรู้มาว่าเป็นวรรณกรรมจากประสบการณ์จริง เพราะผมคิดว่าตัวเองคงไม่ค่อยอินกับหนังสือแนววรรณกรรมเท่าไหร่นัก แต่พอได้เริ่มอ่านไปซักบทเท่านั้นแหละครับ โอ้โห แทบไม่อยากให้จบเล่มเลย
หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมนึกถึงหนังสือ “สอนผู้ชายจีบสาว” ที่เคยดังเมื่อสิบกว่าปีก่อนเหมือนกัน แต่หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนให้จีบผู้ชาย หรือจีบใคร แต่สอนให้รู้ว่าการเป็นสาวโสดในเมืองหลวงวันนี้อาจไม่ได้น่ากลัวกว่าที่คิด เพียงแต่เราต้องสตรองพอจะรับมือกับมลพิษทางอากาสและสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ถาโถมเข้ามาที่สาวไทยมากมาย
ไม่ว่ากรุงเทพและประเทศไทยจะพัฒนาไปสู่ความทันสมัยหรือโลกาภิวัฒน์ฉันใด แต่ค่านิยมความเชื่อฝังหัวแบบเดิมๆก็ยังไม่ได้จางหายไปซักเท่าไหร่ฉันนั้น
ผู้หญิงยังคงถูกคาดหวังว่าต้องแต่งงานพอเข้าเลข 3 พอแต่งแล้วก็ต้องรีบมีลูกให้ผัวมีหลานให้พ่อแม่ แล้วก็ต้องทำหน้าที่แม่ศรีเรือนปัดกวาดเช็ดถูกดูแลบ้าน แล้วก็ต้องเป็นอีเพิ้งดูแลลูก และก็ต้องทำหน้าที่ดูแลผัว ยังไม่นับว่าต้องออกไปทำงานนอกบ้านอีก
บอกได้เลยว่าเกิดเป็นหญิงนั้นลำบากกว่าชายหลายแสนเท่า ผู้ชายอย่างเราไม่เข้าใจเท่าเค้าหรอกครับ
หนังสือเล่มนี้บอกถึงเรื่องกลุ่มเพื่อนสาวในวัยเลข 3 ทั้งใกล้ 3 และผ่าน 3 ไปแล้ว ที่ได้พบเจอเรื่องมากมายทั้งเรื่องหน้าที่การงาน ปาร์ตี้ เรื่องผู้ชาย หรือแม้แต่เรื่องครอบครัว
เอาเป็นว่าถ้าใครกำลังมองหา insight กลุ่มผู้หญิงหัวสมัยใหม่ในเมืองหลวงที่มีหน้าที่การงานดีดูแลตัวเองได้ รีบเดินไปหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่าน แล้วคุณจะเข้าใจมากขึ้นว่า “ทำไมเค้าถึงทำแบบนี้”
ในวันที่คนเมืองส่วนใหญ่เป็นโสดกันนานขึ้น แต่งงานกันช้าลง หรือแม้แต่กระทั่งเลือกไม่มีลูก ก็เป็นผลให้สภาพสังคมเราต้องเปลี่ยนไปในอนาคต ไม่ใช่แค่บ้านเราแต่เทรนด์นี้เป็นเหมือนกันทั่วโลก
สิ่งสำคัญของหนังสือเล่มนี้ที่ผมจับประเด็นได้คือการพยายามหาความสุขให้ตัวเองภายใต้เกมของสังคมในหลายๆด้านให้เจอ ครอบครัวเอย เพื่อนเอย งานเอย ความสัมพันธ์เอย เพราะสูตรสำเร็จของชีวิตที่เคยใช้ในรุ่นพ่อแม่เรา อาจใช้ไม่ได้ผลในรุ่นเราอีกต่อไป
ในวันที่เรามีตัวเลือกมากมายให้เลือก ในวันที่เราเลือกอะไรๆก็ได้ไม่หวาดไม่ไหว ในวันที่เราอาจจะไม่อยากเลือกอะไร และแม้ไม่เลือกก็ถือเป็นการเลือกอยู่ดี
ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ผมเลยไม่ได้สรุปสาระสำคัญอะไรเหมือนเล่มอื่น แต่เป็นการสรุปความรู้สึกเมื่ออ่านจบให้คุณฟังมากกว่า เอาเป็นว่าขนาดคนไม่ชอบแนววรรณกรรมอย่างผมยังอ่านสนุก ผมเชื่อว่าถ้าคุณได้อ่านก็จะสนุกได้ไม่น้อยกว่าผมเลยครับ
ปล. ขอบคุณนักเขียนคนนี้มาก คุณ Pink Siripipat ที่อุตส่าห์ส่งหนังสือเล่มนี้มาให้ผมอ่าน แล้วยังไงรีบเขียนภาคต่อนะครับ ผมอยากรู้ว่าคุณกับกลุ่มเพื่อนสาว ทั้งแซนดี้ แป้ง และทิชา นั้นจะมีอะไรมาให้ผมได้อัพเดทอีก
อ่านแล้วเล่า เล่มที่ 29 ของปี 2019
สรุปหนังสือ How to be Single in BKK City
แด่สาวโสดทั่วราชอาณาจักร
Pink Siripipat เขียน
สำนักพิมพ์…ไม่รู้ พยายามหาแล้วไม่เจอแฮะ
20190514