สรุปหนังสือวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีโลก ในชุด World of Knowledge Series เมื่อวิทยาศาสตร์ยืนยันได้ ไม่ใช่แค่จินตนาการ หนังสือที่สรุปเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์รอบตัวเราให้อ่านเข้าใจง่าย ให้รู้ว่าแต่ละอย่างมีที่มาที่ไปอย่างไร
- Big Bang การระเบิดครั้งใหญ่ จุดกำเนิดของเอกภพ
- กาลิเลโอ กับการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ที่ท้าทายความเชื่อของศาสนา
- ชาร์ลส ดาร์วิน ผู้กล้าบอกว่ามนุษย์เกิดจากวิวัฒนาการ ไม่ใช่พระเจ้าสร้างขึ้น
- มนุษย์กำลังทำลายสภาพแวดล้อมที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ลงไปอย่างรวดเร็ว
- โลกร้อนน้ำแข็งละลาย น้ำท่วมโลก ยุคน้ำแข็งครั้งใหม่
- อภิมหาพายุ อภิมหาภูเขาไฟระเบิด ระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่รอวันระเบิด
- วัตถุอวกาศ ดาวหาง อุกาบาตพุ่งชนโลก กับการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์
- ฝุ่นคอสมิก รังสีคอสมิก ภัยพิบัติรุนแรงจากห้วงอวกาศ
- หลุมดำ ซิงกูลาริตี รูหนอน และการเดินทางข้ามเวลา
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์ ผู้ให้กำเนิดวิชาจิตวิเคราะห์แผนใหม่
นี่คือ 10 หัวข้อหลักของหนังสือประวัติวิทยาศาสตร์เล่มนี้ครับ เรามาดูบางหัวข้อที่ส่วนตัวผมเห็นว่าน่าสนใจกันดีกว่า
กาลิเลโอ กับการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่ท้าทายความเชื่อทางศาสนา
การทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่โด่งดังของกาลิเลโอคือ วัตถุสองใดๆ ก็ตามล้วนถูกแรงดึงดูดกระทำเหมือนกัน การจะตกลงสู่พื้นโลกนั้นน้ำหนักของวัตถุไม่มีผล นั่นหมายความว่าจะเป็นขนนกหรือลูกโบว์ลิ่ง ถ้าถูกปล่อยจากความสูงที่เท่ากัน ก็จะตกกระทบพื้นด้วยเวลาเดียวกัน
แต่ที่ดูเหมือนขนนกจะล่วงช้ากว่าลูกโบว์ลิ่งมาก เป็นเพราะอากาศเสียดทานขนนกได้มากกว่า เลยทำให้ขนนกล่วงช้ากว่า กาลิเลโอเลยทดสอบสมมติฐานนี้ด้วยการไปที่หอเอนเมืองปิซา เริ่มจากการโยนลูกบอลเหล็กสองลูกที่มีน้ำหนักต่างกันมากให้ชาวบ้านเห็น ผลปรากฏว่าลูกบอลทั้งสองลูกนั้นตกกระทบถึงพื้นโลกพร้อมกัน ทำให้ชาวบ้านต่างตกตะลึง
และไม่ว่าจะทดสอบโยนลูกบอลเหล็กสองลูกที่น้ำหนักต่างกันมากอีกกี่ครั้ง ก็ล้วนแต่ได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน จึงเป็นการชัดเจนว่าน้ำหนักไม่ส่งผลต่อแรงดึงดูด
แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าการค้นพบของกาลิเลโอในเวลานั้น ถูกกดดันจากศาสนจักรอย่างมาก เพราะหลายสิ่งที่กาลิเลโอค้นพบนั้นไปชัดกับสิ่งที่เขียนในคัมภีร์ไบเบิล ทำให้กาลิเลโอในเวลานั้นอยู่ค่อนข้างยาก ถูกกดดันจากศาสนจักรต่างๆ นาๆ
ว่าไปก็เหมือนกับคนเห็นต่างในสังคมปัจจุบัน หลายคนอาจบอกว่าพวกเขาคิดผิดในเวลานี้ ความจริงแล้วเราแค่ไม่พร้อมเปลี่ยนชุดความเชื่อเดิมหรือเปล่า
โลกดอกเดซี สมมติฐานเรื่องโลกร้อนแบบเข้าใจง่าย
จากบทโลกร้อนน้ำแข็งละลาย น้ำท่วมโลก ยุคน้ำแข็งครั้งใหม่ ลงไปอย่างรวดเร็ว เรื่องหนึ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราทุกคนมากคือภาวะโลกร้อนที่หลายคนกังวล แต่รู้ไหมว่าเราอาจกำลังก้าวเข้าสุ่ภาวะที่วิกฤตโลกเย็น หรือยุคน้ำแข็งใหม่โดยไม่รู้ตัว
ว่าแต่ภาพโลกดอกเดซี่เกี่ยวอะไร ภาพซ้ายสุด โลกที่มีดอกเดซี่สีดำและขาวสลับกันอย่างสมดุล สีดำของดอกเดซี่ทำหน้าที่ดูดความร้อนเข้าโลก สีขาวของดอกเดซี่ทำหน้าที่กันความร้อนไม่ให้เข้ามา และแม้แต่ส่งความร้อนออกไป
นั่นหมายความว่าถ้าโลกมีดอกเดซี่สีดำมากเกินไป โลกก็จะปรับสมดุลอุณหภูมิไม่ไหว จนทำให้เกิดภาวะวิกฤตโลกร้อนอย่างรวดเร็วในตอนท้าย เช่นเดียวกันถ้าโลกมีดอกเดซี่สีขาวมากเกินไป โลกก็จะก้าวเข้าสู่ยุคน้ำแข็งใหม่อีกครั้ง ลองดูจากภาพยนต์เรื่อง The Day After Tomorrow ก็ได้ครับ
นั่นหมายความว่าเราต้องพยายามรักษาโลกให้อยู่ในจุดสมดุล ไม่มีสิ่งใดมากและน้อยเกินไป เพราะโลกจะยังสามารถปรับตัวเองได้ทันเพื่อให้เราทุกคนยังอยู่ได้ ไม่อย่างนั้นเราอาจจะไปถึงจุดที่ย้อนกลับไม่ได้ เหมือนที่ภาพยนต์ฟอร์มยักษ์หลายๆ เรื่องทำออกมาครับ
บทนี้ยังมีการพูดถึงโปรเจค HAARP ว่ากันว่าเป็นโครงการลับของกลางโหมอเมริกา เป็นโปรเจคที่ใช้พลังงานเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ตามใจ สามารถกำหนดให้เกิดฝนตก พายุ ฟ้าผ่าลงที่ไหนก็ได้ในโลก เรียกว่าเป็นระบบป้องกันตัวเองโดยใช้สภาพอากาศเป็นอาวุธ ใครเคยเล่นเกม Red Alert 2 ก็จะพอคุ้นกับเจ้าอาวุธตัวนี้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่มีการยืนยันใดๆ ว่าโปรเจคนี้มีอยู่จริง และสามารถทำอย่างที่ว่าได้จริง ไม่อย่างนั้นโลกคงวิกฤตเยอะกว่านี้แน่ๆ ครับ
สรุปหนังสือ วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีโลก World of Knowledge Series
หนังสือที่จะเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ต่างๆ รอบตัวที่น่าสนใจ หลายเรื่องเรารู้อยู่แล้วแต่ไม่เคยรู้เรื่องราวมันมาก่อน บางเรื่องเราอาจได้อ่านจากหนังสือเล่มนี้เป็นครั้งแรก และก็พบว่ามันอยู่ใกล้ตัวเรามากๆ ใครที่เป็นคอหนังสือแนวเกร็ดความรู้ที่ชอบเก็บเล็กผสมน้อยแบบผม น่าจะชอบหนังสือเล่มนี้ครับ
อ่านแล้วเล่า เล่มที่ 12 ของปี 2023
สรุปหนังสือ วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีโลก
วิทยาศตร์ยืนยันได้ ไม่ใช่แค่จินตนาการ
World of Knowledge Series
พรหมพร พิชชานันท์ เขียน
สำนักพิมพ์ โนเบิ้ลบุ๊คส์
อ่านสรุปหนังสือแนวนี้ต่อ > https://summaread.net/category/history/