สรุปหนังสือ Made In Japan จาก Akiko Morita ประธานกรรมการบริหาร หรือ CEO ผู้ก่อตั้งสร้างแบรนด์ Sony นี่เลยเป็นหนังสือที่ผู้สร้างเป็นคนถ่ายทอดเอง หนึ่งในแบรนด์ที่วันนี้เราอาจคุ้นเคยผ่านสองสินค้าหลัก TV กับเครื่องเล่นเกม Play Station แต่คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้ว่าช่วงปี 2000 แบรนด์นี้โด่งดังมากในระดับโลก
Sonus เป็นภาษาละตินแปลว่า “เสียง” เพราะจุดเริ่มต้นของ Sony คือการผลิตวิทยุทรานซิสเตอร์ และก็มาจากคำว่า Sonny ที่มีความหมายว่าเด็กหนุ่มที่ทั้งหล่อและฉลาด จากนั้นก็ตัดตัว n ออกหนึ่งตัวจนเหลือเป็นคำว่า Sony ในท้ายที่สุด
ก็เลยเป็นที่มาของทั้ง “เสียง” ซึ่งเป็นสินค้าหลักในเวลานั้น และ “คนรุ่นใหม่” ที่เป็นเป้าหมายหลักของ Sony ด้วยเช่นกัน
หรือไม่ก็แนะนำให้ซื้อเสื้อเชิ้ตใหม่ที่มีขนาดกระเป๋าใหญ่พอจะใส่ Sony TR-63 ได้เท่านั้นเอง เพียงแค่นี้ก็สามารถพกพาไปฟังที่ไหนก็ได้จนดูเป็นคนรุ่นใหม่ทันสมัยในวันนั้นแล้ว
นี่คือกลยุทธ์การตลาดแบบ Demonstration Marketing Strategy ที่ฉลาดมาก สาธิตให้คนเห็นว่าทำได้ แล้วก็สร้าง Standard ใหม่ของขนาดกระเป๋าเสื้อเชิ้ตในตลาดเพื่อให้รองรับสินค้าตัวเองไปพร้อมกัน
7. เน้น R&D มากกว่า Market Research
Sony นั้นเป็นแบรนด์ที่เน้นการทำ R&D หรือ Research & Development ที่ให้ความสำคัญกับการค้นคว้าพัฒนาสินค้า นวัตกรรม หรือเทคโนโลยีใหม่แทนที่จะมุ่งไปกับการทำ Market Research ทำความเข้าใจผู้บริโภคเป็นตัวตั้งแบบที่แบรนด์ Consumer Electronic Product อื่นนิยมทำกัน แล้วค่อยเอาข้อมูลนั้นมาพัฒนาเป็นสินค้าต่อ
แนวคิดนี้ก็เหมือนกับ Ford ที่เคยกล่าวไว้ว่า ถ้าถามว่าผู้คนอยากได้อะไร พวกเขาก็จะตอบว่าอยากได้ม้าที่วิ่งเร็วขึ้น คงไม่มีใครจินตนาการถึงรถยนต์ในราคาที่เอื้อมถึงได้ พร้อมกับสามารถใช้งานได้ดีในชีวิตประจำวัน
ต้องบอกก่อนว่ารถยนต์ไม่ใช่สิ่งใหม่ในเวลานั้น แต่รถยนต์เป็นสินค้าราคาแพงมาก แถมยังใช้งานไม่ง่ายเท่าไหร่ ทำให้ความนิยมในการใช้รถยนต์ต่ำมาก จนกระทั่ง Henry Ford สามารถทำให้รถยนต์เป็นสินค้าที่เข้าถึงได้ทั้งในแง่ของราคา และในแง่ของการใช้งานในชีวิตประจำวัน
จากจุดนั้นทำให้ผู้คนเลิกใช้ม้าและหันมาใช้รถยนต์ Ford Model T ในการเดินทางไปไหนมาไหนแทน ทำให้เมืองขยายตัวเพราะผู้คนสามารถเดินทางได้ไกลขึ้น สามารถขับรถจากบ้านที่ไกลจากเดิมเข้าเมืองมาทำงาน เป็นที่มาของวิวัฒนาการการผลิตแบบสายพานที่เป็นต้นกำเนิดของยุคใหม่ของโรงงานอุตสาหกรรมในเวลานั้น
Sony ทุ่มงบ R&D มากถึง 6-10% จากยอดขายในแต่ละปี เน้นการสร้างสินค้าใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน และนั่นก็ทำให้ Sony เป็นแบรนด์ที่ทันสมัยมากที่สามารถคิดค้นสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ มากมาย ทั้ง Sony Walkman หรือ Sony Trinitron ไปจนถึง Sony Play Station ที่ได้รับความนิยมยาวนานจนถึงทุกวันนี้
8. Product ที่ดีไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่าง
ตอนจะออกสินค้าที่ทำให้ Sony ดังเป็นพลุแตกทั่วโลกอย่าง Walkman รุ่นแรก TPS-L2 เครื่องเล่นเทปพกพาที่ปลดล็อคการฟังเพลงที่ชอบจากการต้องนั่งติดกับที่อยู่บ้านเพราะในเวลานั้นเครื่องเล่นเทปมีขนาดใหญ่มาก
ทาง Sony เลยเลือกจะกึ่งยื่นคำขาดให้กับคู่ค้าว่าสามารถสั่งได้แค่เดือนละหมื่นเครื่องเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้การรักษากระแสความต้องการของ Sony Walkman ยาวนานพอที่จะพัฒนาสินค้ารุ่นใหม่ออกมา ทำให้ทุกฝ่ายแฮปปี้ที่ไม่ค่อยมีสินค้าค้างสต็อกจากการผลิตตามคำสั่งซื้อที่ล้นเกิน จนสุดท้ายต้องมาแก้ด้วยการลดราคาระบายสินค้าออกไป
12. อย่าหาคนผิด แต่จงหา Process ที่ผิด
หนึ่งในหลักคิดแบบ Engineer เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นสิ่งแรกที่พวกเขาทำไม่ใช่การหาตัวคนผิด แต่เป็นการหา Process หรือขั้นตอนที่ผิดแล้วก็ออกแบบใหม่เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดนั้นขึ้นอีก
การทำแบบนี้ทำให้พนักงานสบายใจกล้าทำสิ่งใหม่ แถมยังไม่กลัวความผิดพลาด แต่แน่นอนว่าถ้ายังทำผิดพลาดเรื่องเดิมซ้ำสองจากความสะเพร่านั่นคงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันการทำแบบนี้จะเป็นการลดความสำคัญของตัวบุคคลที่เป็นพนักงานลง เพราะเมื่อระบบหรือ Process ดีก็สามารถหาคนมาทดแทนได้ง่ายขึ้น
13. ถ้าสินค้าดีต้องถูกฟ้อง
ตอน Sony เปิดตัวเครื่องเล่นวิดีโอแบบตั้งเวลาบันทึกรายการทีวีที่ตัวเองต้องการได้ และเทคโนโลยีนั้นก็มีชื่อว่า Time shift ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้คนในอเมริกาพอสมควร เพราะมันเป็นการปลดล็อคการต้องนั่งอยู่ที่บ้านหน้าทีวีถ้าไม่อยากพลาดรายการหรือโชว์ที่ตัวเองชอบ แต่นั่นก็ทำให้บรรดาผู้ผลิตรายการหรือค่ายหนังทำการฟ้อง Sony ด้วยข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์
และบริษัทที่ทำการฟ้องในเวลานั้นก็มีทั้ง Universal, Walt Disney และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ท้ายที่สุด Sony ก็ชนะคดีในที่สุดเพราะตัวเครื่องบันทึกวิดีโอไม่ได้ทำการละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างไร การละเมิดจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีคนนำไปบันทึกและนำไปใช้งานต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต และนั่นก็จะเป็นเรื่องระหว่างผู้ใช้งานกับบริษัทค่ายหนังที่จะต้องมาฟ้องร้องกันเองในอนาคต
14. Sony กับจีนยุค 1970
ทางจีนเคยทำการเชิญ Sony เข้าไปช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศ ทางการจีนต้องการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศด้วยการพาประเทศเข้าสู่อุตสาหกรรมแบบใหม่ แต่ในเวลานั้น Sony มองว่าการเอาเครื่องจักรใหม่ทันสมัยมาใช้ผลิตสินค้าให้ได้จำนวนมากๆ ในระยะเวลาอันสั้นดูยังไม่เหมาะกับประเทศจีนในเวลานั้น
และค่าใช้จ่ายเหล่านั้นก็จะถูกบวกเพิ่มไปกับราคาสินค้าโดยที่ผู้บริโภคอย่างเราไม่รู้ แต่กับ Sony เองมองว่าพวกเขาจะลดต้นทุนบริการหลังการขายด้วยการผลิตสินค้าให้ออกมาดีที่สุดจนผู้คนไม่นำมาเปลี่ยนหรือคืนตลอดอายุการใช้งาน หรือตามอายุที่มีการรับประกันสินค้านั่นเอง
สรุปหนังสือ Made In Japan Akio Morita เรื่องราวจุดเริ่มต้นบริษัท Sony ที่โด่งดังจากบันทึกของผู้ก่อตั้งและ CEO คนแรกของ Sony
จากทายาทผู้ผลิตเหล้าสาเกชื่อดังรุ่นที่ 15 มาสู่ผู้ก่อตั้งและ CEO บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกในวันนี้ Sony แบรนด์ที่ทำให้การฟังเพลงนอกบ้านเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ด้วย Sony Walkman จนทำให้ตลาดดนตรีใหญ่ขึ้นอย่างมหาศาล ทุกการฟังเพลงนอกบ้านวันนี้ล้วนต่อยอดมาจากเจ้าเครื่องฟังเทปพกพาอย่าง Sony Walkman TPS-L2 ครับ
อ่านแล้วเล่า เล่มที่ 28 ของปี
สรุปหนังสือเมด อิน เจแปน อากิโอะ มอริตะ ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัทโซนี่ Made In Japan, Akio Morita CEO Sony สถาพร ศรีเมฆ แปลและเรียบเรียง สำนักพิมพ์ จันธิมา
จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/
สรุปหนังสือย่องเบาเข้าญี่ปุ่น หนังสือแนวใหม่สำหรับผม เป็นแนวออกจะไปทางนวนิยายเรื่องแต่งผสมเกร็ดความรู้บนเรื่องจริง ฉะนั้นเลยขอสรุปเฉพาะเกร็ดความรู้เรื่องญี่ปุ่นที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนและคิดว่าน่าสนใจแทนแล้วกันนะครับ Made in USA คือผลิตในเมืองยูซ่าประเทศญี่ปุ่น ต้องบอกก่อนว่าประเทศญี่ปุ่นในยุคแรกเริ่มสร้างประเทศ ก็เริ่มจากเป็นประเทศแรงงานราคาถูก ผลิตสินค้าเลียนแบบตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ก่อนจะกลายเป็นมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีผู้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ มากมายในวันนี้ ณ วันนั้นสินค้าที่คนอเมริกาชอบ และคนในประเทศต่างๆ ทั่วโลกชอบก็หนีไม่พ้นสินค้าที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา หรือ Made in U.S.A. ก็ในเมื่อผู้คนต่างชอบจะซื้อสินค้าที่มีตราว่าผลิตในอเมริกามาก ญี่ปุ่นก็เลยเกิดไอเดียว่าถ้างั้นเราเอาเมืองหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นเราที่ชื่อว่า ยูซ่า (ไม่รู้ว่าเมืองนี้มีจริงมาตั้งแต่ต้นไหม หรือเพิ่งมาคิดเอาได้ว่าต้องมีแล้วจึงสร้างมันขึ้นมา) ก็เลยผลิตสินค้าเลียนแบบฝั่งอเมริกาแล้วก็ติดป้ายว่า Made in USA ที่ไม่ได้หมายถึงประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะถ้าเป็นแบบนั้นต้องเขียนโดยมีจุดตัวย่อว่า U.S.A. ถึงจะเท่ากับ United State of America เรียกได้ว่าหัวหมอยิ่งกว่าคนจีนที่เราเชื่อกัน เรื่องนี้กลายเป็นคดีความกันยกใหญ่ในเวลานั้น แต่สุดท้ายญี่ปุ่นก็ชนะไปด้วยการบอกว่าเราไม่ได้โกหกว่าผลิตในอเมริกา แต่มันคือการผลิตในเมืองอุษาประเทศญี่ปุ่น แล้วพอเขียนเป็นภาษาอังกฤษก็คือ USA ที่บังเอิญคล้ายชื่อย่อสหรัฐอเมริกาไงเล่า!! จากการเลียนแบบนานวันเข้าก็กลายเป็นการเรียนรู้ที่จะสร้างนวัตกรรมของตัวเอง นานไปกว่านั้นจากนักปลอมของคนอื่น กลายเป็นผู้สร้างความเป็นของแท้ Original แบบ Japan ที่ชาติอื่นๆ อยากเลียนแบบแทนมากมาย ด้วยความที่คนญี่ปุ่นก็ชอบคิดนอกกรอบ คิดอะไรที่หลุดโลกแบบสุดๆ […]