วันนี้เธอขอบคุณตัวเองแล้วหรือยัง

สรุปหนังสือ วันนี้เธอขอบคุณตัวเองแล้วหรือยัง หนังสือที่มีพี่ที่เคารพคนหนึ่งมอบให้ผมมา ต้องบอกว่าเป็นหนังสือที่ปกติผมคงไม่คิดหยิบหรือซื้อขึ้นมาอ่าน แต่พอเป็นพี่ที่เคารพมอบให้มาอย่างไรก็ต้องอ่าน และถึงขนาดต้องขอหยิบลัดคิวขึ้นมาอ่านเลย

หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมได้หยุดคิด คิดทบทวนชีวิตที่ไม่ใช่แค่ขอบคุณตัวเอง แต่ยังขอบคุณอีกหลายสิ่งรอบตัวที่เคยมองข้ามไป ผมขอหยิบบางบทบางตอนมาเล่าให้ฟัง เพื่อเป็นการป้ายยากลายๆ เผื่อว่ามีใครอยากซื้อหนังสือเล่มนี้อีกบ้างครับ

จงโฟกัสไปที่การพัฒนาตัวเอง ไม่ใช่าการพิสูจน์ให้คนอื่นเห็น

เป็นเรื่องราวจากบทที่ 1 ที่พูดถึงร้านขายขนมใส้ถั่วแดงในญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ที่จากเดิมซื้อใส้ถั่วแดงสำเร็จรูปง่ายๆ มาทำให้มีขนมขาย กลายมาเป็นการลงมือทำใส้ถั่วแดงด้วยตัวเองอย่างละเมียดตั้งใจ

จากความตั้งใจและใส่ใจในทุกขั้นตอนของการทำใส้ถั่วแดงให้ออกมาดี ตั้งแต่การเลือกเมล็ดถั่วไป ไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ทำให้พวกเขาค้นพบว่าความสุขระหว่างการทำงาน ไม่เหมือนกับคนทั่วไปที่มักจะเฝ้ารอความสุขจากผลลัพธ์ตอนจบสุดท้ายเพียงอย่างเดียว

ถ้าเปรียบกับการเดินทาง ถ้าเรามัวแต่คิดว่าถ้าถึงจุดหมายปลายทางเมื่อไหร่จะเที่ยวให้ฉ่ำปอดเลย ระหว่างการเดินทางนั้นยาวนานใช้เวลาไม่น้อย ถ้าเราแค่ลองหาวิธีหาความสุขระหว่างทาง ทริปการเดินทางนั้นจะมีความหมายขึ้นมาก และจะสร้างความสุขให้กับเราอีกมหาศาล

เปรียบเทียบกับการใช้ชีวิต การทำงาน ถ้าเรามัวแต่คิดว่า “ถ้าเมื่อไหร่ฉันได้เป็นตำแหน่งนั้น ได้เงินเดือนเท่านี้ หรือมีเงินในบัญชีเป็นตัวเลขนั้น ฉันก็จะมีความสุขเสียที”

คิดแบบนี้ชีวิตจะเต็มไปด้วยทุกข์ เพราะระหว่างเดินทางเราจะไม่มีความสุข เราจะมัวชะเง้อมองว่าเมื่อไหร่ถึงจะถึงเส้นชัย จะได้มีความสุขเสียที

แต่ถ้าเราหาความสุขระหว่างการเดินทาง การทำงาน การทำธุรกิจ เราจะพบว่ามีเรื่องสนุกและสุขมากมายให้เรียนรู้ ให้พัฒนาตนเองอยู่เสมอ แล้วเมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกที เราก็จะเข้าเส้นชัยมาแบบไม่รู้ตัว ดีไม่ดีเราจะเดินผ่านเส้นชัยมานานมากจนไม่ได้สนใจมันแล้วก็ได้

ฉะนั้น เคล็ดลับการใช้ชีวิตให้เป็นสุข หาความสุขระหว่างทาง ความสุขระหว่างวัน ความสุขระหว่างทุกข์ให้เจอครับ

ทุกจุดจบ คือจุดเริ่มต้นของสิ่งใหม่

เป็นบทที่พูดถึงเรื่องราวของภาพยนต์เรื่อง Begin Again ที่เริ่มต้นด้วยจุดจบของคนสองคนในเส้นทางดนตรี คนแรกถูกไล่ออกจากบริษัทตัวเอง อีกคนเลิกกับแฟนที่ตัวเองช่วยผลักดันให้ดังขึ้นมา

กลายเป็นว่าเมื่อสองคนที่คิดว่าถึงจุดจบของชีวิตได้มาพบกัน ก่อให้เกิดจุดเริ่มต้นใหม่ของทั้งคู่อีกครั้ง ที่จะพาเราไปสู่เส้นทางใหม่ บทเรียนชีวิตใหม่ ความสำเร็จใหม่ให้เก็บเกี่ยว

เปรียบเทียบกับชีวิตผมเองก็เคยเจอเรื่องราวแบบนี้ ครั้งหนึ่งบริษัทที่เปิดใหม่ดูมั่นคงมาก ที่ผมได้มีโอกาสเข้าไปร่วมงานด้วย ผมได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นจากที่เก่าเท่าตัว แต่กลายเป็นว่าบริษัทต้องปิดตัวลงภายใน 3 เดือนหลังจากผมเริ่มงานไป

ตอนนั้นผมเพิ่งกู้ซื้อบ้านไป ภาระในชีวิตมี ดูเหมือนเป็นจุดจบในชีวิตที่ดูกำลังจะไปได้ดี ผมมีช่วงเวลาว่างงาน 1 เดือนกว่าๆ เป็นช่วงที่รู้สึกซัฟเฟอร์มาก

แต่กลายเป็นว่าหลังจากนั้นผมได้งานใหม่ ในบริษัทโฆษณาอินเตอร์ข้ามชาติ เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมได้รู้จักหัวหน้าคนหนึ่งที่ทำให้ผมได้เก่งขึ้นมาก จะสรุปได้ว่าจุดจบจากบริษัทนั้นทำให้ผมได้เริ่มต้นกับบริษัทใหม่แล้วไปได้ไกลกว่าเดิมก็ว่าได้

ดังนั้นใครที่กำลังคิดว่าชีวิตตัวเองถึงจุดจบ ให้รู้ไว้ว่าอีกแง่มุมหนึ่งเรากำลังจะเริ่มต้นใหม่ต่างหาก แม้จะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่เราไม่ได้วางแผนไว้ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เราก็แค่ต้องรีบยอมรับให้ไว แล้วก็ค่อยๆ มองหาโอกาสใหม่ไปพร้อมกัน

ส่วนตัวผมเชื่อว่าชีวิตยังไม่จบจนกว่าจะจบชีวิต ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ เรายังเริ่มต้นใหม่ได้เสมอครับ

เราใช้ชีวิตในแบบที่เราชอบตัวเองหรือยัง

บทนี้พูดถึง Thor หนึ่งในตัวละครหลักจากภาพยนต์ชุด Marvel ที่เต็มไปด้วยความผิดวังมากมายเพราะพยายามทำตัวเองให้เป็นดั่งที่คนรอบตัวหวัง

พยายามเป็นพระราชาที่ดีในภาคแรก แต่ก็ไม่สามารถเป็นตามความคาดหวังของ Odin ผู้เป็นพ่อได้ จนถูกเนรเทศไปอยู่บนโลก

ในภาค Avenger พยายามเป็นฮีโร่ที่ดี แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้ง Thanor จากการดีดนิ้วได้

ในภาค Ragnarok พยายามเป็นพระราชาที่ดี แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพี่สาวตัวเองที่มาทำลายดาวได้

เปรียบเทียบกับชีวิตคนเรา เมื่อไหร่ที่เราพยายามใช้ชีวิตอย่างที่คนอื่นหวัง เรามักทำให้ตัวเองผิดหวังเสมอ ชีวิตจะง่ายขึ้นมากถ้าเราได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองชอบ (แต่ขอย้ำว่าต้องไม่ใช่การทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วยนะ)

ในชีวิตจริงคนเราก็มักอยากพยายามเป็น ลูกที่ดี, เพื่อนที่ดี, แฟนที่ดี, พนักงานที่ดี, หัวหน้าที่ดี แต่เราได้เป็นคนที่เราชอบแล้วหรือยัง

อย่าพยายามใช้ชีวิตบนความคาดหวังของคนอื่น แล้วชีวิตจะเบาลงมาก ดีเรากับดีเขาอาจคนละมาตรฐานกัน แค่ใช้ชีวิตที่ตัวเองชอบและไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เท่านี้ผมก็ว่าดีพอแล้ว

ไม่มีใครเก่งมาแต่เกิด

ว่าด้วยเรื่องของภาพลวงตาความเก่ง เรามักคิดว่าคนเก่งที่คุ้นหน้า น่าจะต้องเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ ทำสิ่งนั้นได้ดีมานานแล้วแน่ๆ

ความจริงแล้วไม่เลยครับ คนเก่งส่วนใหญ่ที่ผมรู้จักมาในชีวิต 99% คือคนที่เก่งจากการอุตสาหะ เก่งจากความพยายาม เก่งจากการลองผิดลองถูกมามากมาย

เรารู้ถูกเพราะเราได้รู้ผิด ไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิดแล้วชีวิตประสบความสำเร็จได้

ชีวิตผมเองก็มีเรื่องผิดพลาดมากมาย อย่างครั้งหนึ่งตอนที่ผมได้เริ่มเป็นหัวหน้าครั้งแรก ผมตัดสินใจผิดพลาดเยอะแยะมาก ลูกน้องก็ไม่เอา จนสุดท้ายต้องลาออกเองเพราะรู้ว่าอยู่ไม่ได้

แต่พอบริษัทใหม่ที่ผมย้ายไปหลังจากนั้น กลายเป็นว่าเป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ของผมมาก เพราะผมได้เรียนผิดรู้ถูกแล้วว่า ถ้าเป็นหัวหน้าทีมควรตัดสินใจแบบไหน อย่างไร และอะไรที่ไม่ควรทำ

ผมได้รับคำชื่นชมจากลูกค้า ความนับถือจากลูกน้อง ไปจนถึงความยำเกรงจากทีมรอบข้าง จนถึงวันที่ผมออกมาทำบริษัทของตัวเอง ผมตั้งปั้นลูกน้องคนนึงจากเด็กจบใหม่ทำงานกับผมที่แรกให้มาเป็นหัวหน้าดูแลทีมเล็กๆ ในบริษัท ตอนนั้นลูกน้องคนนี้เครียดมาก บอกว่าขอไม่เป็นหัวหน้าแล้วได้ไหม

ผมบอกลูกน้องคนนั้นว่า “การเป็นหัวหน้าไม่ใช่พรสวรรค์ แต่มันคือพรแสวง มันคือทักษะที่ต้องฝึกฝน ต้องเรียนรู้ด้วยการลองผิดลองถูก”

หลังจากนั้นไม่นานลูกน้องคนนั้นก็ค่อยๆ เป็นหัวหน้าที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถเอาอยู่ทุกเรื่องที่ผมต้องการ และจัดการทีมกับงานได้เป็นอย่างดี

ดังนั้นถ้าใครรู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งยังทำสิ่งไหนไม่ได้ดี ผมอยากบอกว่าทุกเรื่องล้วนไม่มีใครเกิดมาเก่ง ล้วนต้องใช้การฝึกฝนและอดทนจนได้สูตรลับแนวทางของตัวเองครับ

เพราะชีวิตคือบทเรียนที่หนักหนาที่สุด

บทนี้พูดถึงแฟรนไชส์ภาพยนต์ Rocky ที่ภาคแรกๆ ปังมาก แต่ภาคหลังมาไม่ค่อยปังจนเข้าข่ายคำว่าแป๊ก แต่สุดท้ายสิบกว่าปีผ่านไป Rocky ก็สามารถกลับมาปังปิดท้ายได้อีกครั้ง

บทนี้พูดถึงนักมวยที่ต้องรับหมัดหนักๆ ของคู่ชก ที่เวลาโดนชกมักคิดว่าหมัดนั้นหนักหนาสาหัสสุดในชีวิตแล้ว แต่ความจริงแล้วเปล่าเลยครับ หมัดที่หนักที่สุดก็คือชีวิตเราทั้งชีวิตนี่แหละ เพราะตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราย่อมต้องเจอกับปัญหาหรือความทุกข์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

แต่ประเด็นคือเราจะผ่านหมัดปัญหาชีวิตนั้นไปได้อย่างไร จะรับมันตรงๆ จนเซล้มลงหรือพอจะหลบมันได้ แน่นอนช่วแรกๆ คงหลบไม่ค่อยได้ แต่พอโดนหมัดไปสักพักเราก็จะเริ่มรู้ทาง เริ่มพอเห็นแนวว่าถ้าชีวิตปล่อยหมัดแบบนี้มาเราควรจะตั้งรับ สวนกลับ หรือว่าหลบมันอย่างไร

ดังนั้นใครที่คิดว่าชีวิตกำลังเจอเรื่องสาหัสสากรรจ์อยู่ อยากให้รู้ว่าที่คุณเจอมันยังไม่ใช่ที่สุดจนกว่าจะถึงวันสุดท้ายของชีวิตหรอกครับ ดังนั้นอย่าเพิ่งรีบท้อไป สู้กับมันสักตั้ง เรียนรู้กับหมัดนั้นให้มากที่สุด เพื่อที่หมัดหน้ามาคุณจะได้รู้มีสูตรในการรับมือ

ชีวิตก็เท่านี้แหละครับ อยู่เพื่อเรียนรู้ และก็เพื่อหาความสุขระหว่างทางให้ตัวเองไปด้วย

บทสุดท้ายที่จะขอพูดถึงจาหนังสือเล่มนี้คือ

ตัวคุณคือศัตรู

บทนี้เปิดด้วยประโยคว่า “เคยมีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ความสำเร็จที่ได้มาอย่างช้าๆ จะช่วยบ่มเพาะคาแร็กเตอร์ของคุณ แต่ความสำเร็จที่ได้มารวดเร็วเกินไป จะสร้างอีโก้ให้เกิดขึ้น”

เปรียบกับคนที่รวยจากการทำงานหนัก กับคนที่รวยจากการถูกหวย ความสามารถในการรักษาความรวยนั้นต่างกัน แม้สองคนจะมีเงินสิบล้านเท่ากัน แต่คนแรกรู้ว่าจะบริหารจัดการรายได้อย่างไรให้เงินสิบล้านกลายเป็นยี่สิบล้าน แต่คนหลังนั้นไม่เคยมีประสบการณ์นั้นมาก่อน ก็จะมักคิดว่าจะใช้เงินสิบล้านนี้เพื่อหาความสุขอย่างไร

สำคัญคือเมื่อสำเร็จแล้วต้องอย่าเหลิง อย่าลืมตน อย่าทะนงหลงอีโก้ตัวเองเกินไป

เพราะไม่งั้นตัวเราอาจจะเป็นอุปสรรคทำลายตัวเราเองในวันที่เรากำลังจะขึ้นสูงประสบความสำเร็จ ต้องหมั่นรู้เท่าทันตัวเองให้ไว ถ้าไม่อยากมานั่งเสียใจในท้ายที่สุด

สรุปหนังสือ วันนี้เธอขอบคุณตัวเองแล้วหรือยัง

ขอบคุณพี่อ้นมากที่มอบหนังสือเล่มนี้ให้ผม ทำให้ผมได้หยุดคิดทบทวนตัวเองถึงชีวิตปัจจุบัน ว่าผมนั้นได้ขอบคุณตัวเองบ้างหรือยัง หรือผมได้ขอบคุณคนรอบตัวสิ่งรอบข้างที่สนับสนุนผมให้มาถึงจุดนี้ได้ในวันนี้

ใครที่กำลังรู้สึกว่าชีวิตไปด้วยสวย ผมอยากให้คุณลองฉวยเล่มนี้มาอ่านสักบท เผื่อจะช่วยให้คุณได้ตระหนักถึงชีวิตที่รอบด้านอีกครั้ง ว่าทุกอย่างมีขึ้นมีลง สำคัญคือต้องรู้จักบาลานซ์ชีวิตให้เป็น

ส่วนใครที่กำลังรู้สึกว่าชีวิตแย่ ผมอยากแนะนำให้หาหนังสือเล่มนี้มาอ่านโดยไว แล้วคุณจะเข้าใจว่าไม่มีอะไรที่คงทนถาวรครับ

อ่านแล้วเล่า เล่มที่ 6 ของปี

สรุปหนังสือ วันนี้เธอขอบคุณตัวเองแล้วหรือยัง
แค่เริ่มต้นขอบคุณตัวเอง เราก็ได้ความสุขเล็กๆ กลับมา
ทำเรื่องเล่นให้เป็นเรื่องใหญ่ เขียน
สำนักพิมพ์ DOT

อ่านสรุปหนังสือแนวนี้ในอ่านแล้วเล่าต่อ: https://summaread.net/category/life-lesson

สั่งซื้อหนังสือเล่มนี้:
https://shope.ee/8KSVPl2qFK
https://shope.ee/B6ngj7wAR
https://shope.ee/1LIl4spksz

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/