บางคนอาจสงสัยหรือไม่ก็ผมเองนี่แหละที่ตั้งคำถามกับตัวเองตอนหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านว่า “สมัยนี้อะไรๆก็ 4.0 หมดแล้ว จะมัวมาอ่านอะไรที่ช้าไปแล้วทำไม?”

ครับ 3.0 อาจเชยกว่า 4.0 จริง แต่สำหรับผมๆคิดว่าต่อให้มี 1.0 หรือ 0.1 ที่เชยตกยุคไปแล้วสุดๆผมก็จะตามอ่านถ้าผมยังไม่รู้ในสิ่งนั้น

ผมคิดว่าผมเป็นพวกนักการตลาดแบบมวยวัดนะ ไม่ได้ร่ำเรียนมาแบบชาวบ้านเค้า ปากกัดตีนถีบหาความรู้มาเองตลอก ถ้าถามว่าอ่านจบแล้วได้อะไรบ้างล่ะ ก็ต้องบอกว่าได้ไม่น้อยเลยกับเรื่องที่ยังไม่รู้

จริงๆแล้วผมคิดว่าเล่มนี้น่าจะเป็นเรื่องของ social network หรือการตลาดแบบ social media มากกว่านะถ้าถอดเปลือกเอาแก่นมาคุยกัน เพราะการตลาดแบบ human spirit ที่ Kotler ว่าคือการเข้าถึงจิตใจคนและคนเราแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ง่ายกว่าในยุคไหนๆตั้งแต่มี Social Media อย่าง Facebook เกิดขึ้นมา

ก็เพราะคนเรานั้นชอบเม้าส์ ชอบคุย และชอบเล่าเรื่องราวต่างๆที่ตัวเองเจอมา ไม่ว่าจะดีหรือร้ายแต่เรื่องกลางๆนั้นไม่ค่อยเล่าเพราะไม่มีจุดอะไรให้จำ

ยิ่งในยุคแห่ง Facebook ที่คนแชร์อะไรแบบไร้คิดมากยิ่งขึ้น จาก word of mouth ที่ต้องใช้เวลาในการแพร่กระจาย กลายเป็นเสี้ยววินาทีไม่กี่คอมเมนท์ก็สามารถสั่นมูลค่าหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ได้

ยกตัวอย่างบริษัทเครื่องสำอางค์ชื่อดังที่กำลังเพิ่มความดังในแง่ลบเพราะความดราม่าในตอนนี้

ไม่ว่าการตลาดจะไปถึง 4.0 5.0 หรือว่า 10.0 สำหรับผมแล้วคิดว่าแก่นที่แท้จริงของมันก็คือทำอย่างไรที่เราจะเพิ่มมูลค่าสูงสุดของลูกค้าคนนั้นให้ได้ เพราะยังไงการตลาดก็คือการทำเพื่อสร้างยอดขายทั้งในวันนี้และอนาคต แต่ใครที่จะได้ทั้งเงินได้ทั้งใจของลูกค้าไปครองพร้อมๆกัน

Philip Kotler เขียน
สำนักพิมพ์ Nation Books

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/