สรุปหนังสืออะไรที่คนสำเร็จมีเหมือนกัน The Success Factors 40 เคล็ดลับของคนที่หยิบจับอะไรก็สำเร็จ โดยศาสตราจารย์ ดร. นภดล ร่วมโพธิ์ เจ้าของช่อง Podcast ชื่อดัง Nopadol’s Story
เมื่อพูดถึงคำว่าความสำเร็จ หรือ สำเร็จ ปฏิเสธไม่ได้ว่าล้วนเป็นเป้าหมายของแทบทุกคนบนโลกนี้ แต่คำถามสำคัญคือทำไมถึงมีน้อยคนนักที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาทำอย่างไร สิ่งที่พวกเขาทำนั้นลำบากยากเย็นแสนเข็ญขนาดไหน แต่หารู้ไม่ว่าความจริงแล้วคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมากมายที่เราคุ้นหน้า คุ้นชื่อกันในวันนี้ มีจำนวนไม่น้อยที่เป็นพวก Selfmade หรือสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเอง ไม่ได้เกิดมาจากพ่อแม่รวยแต่อย่างไร
นั่นยิ่งทำให้เกิดคำถามเพิ่มขึ้นว่า แล้วพวกเขามีทักษะความสามารถในระดับที่มนุษย์ทั่วไปไม่มีอีกหรอไม่ ใจผมก็อยากบอกว่าไม่ขนาดนั้นหรอกครับ เพราะจากประสบการณ์ส่วนตัวที่แวดล้อมไปด้วยคนที่ประสบความสำเร็จมากมาย ก็พบว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคือความสม่ำเสมอกับความมีวินัย ที่ทำให้พวกเขาสามารถไปได้ไกลกว่าคนทั่วไป จนสามารถวิ่งเข้าถึงจุดเส้นชัยของคำว่า “ประสบความสำเร็จ” ของคนทั่วไปได้
หนังสือเล่มนี้ก็ถือเป็นการหาจุดร่วม สิ่งที่เป็น Pattern ของคนที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายนั้นมีอะไรร่วมกันบ้าง จนสามารถสกัดออกมาได้เป็น 40 ข้อที่อ่านเข้าใจง่าย อ่านแล้วสามารถเริ่มต้นทำตามได้ แต่ที่ยากจริงๆ ก็อาจจะเป็นแค่คุณสามารถ “กลั้นใจทำจนถึงวันที่สำเร็จไหวหรือเปล่า ?”
ผมขอหยิบบางข้อจาก 40 ข้อมาเล่าต่อยอดให้ฟังกัน ว่ามีข้อไหนบ้างที่ผมรู้สึกประทับใจมากเป็นที่สุดครับ
รู้จักตนเองและมีเป้าหมายชัดเจน
การจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้ เริ่มต้นนั้นเรียบง่าย ต้องรู้ก่อนว่าตัวเองเป็นใคร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เก่งอะไร ไม่เก่งอะไร มีข้อได้เปรียบตรงไหน มีข้อเสียบเปรียบอย่างไร เพื่อจะได้เอามาแมชกับเป้าหมายที่เราอยากไป อยากเป็น อยากสำเร็จว่า ถ้าเราอยากจะได้แบบนี้ อยากมีแบบนี้ อยากเป็นแบบนี้ จากสิ่งที่เรามีและไม่มี เราจะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
เช่น ตอนผมทำงานอยู่เอเจนซี่โฆษณา ผมมีเป้าหมายว่าอยากเป็นหนึ่งในนักการตลาดที่พอจะเป็นที่รู้จัก ไม่ใช่เพราะอยากดัง แต่เพราะอยากให้ตัวเองมีคนจ้างมากพอที่จะใช้ชีวิตได้แบบไม่ลำบาก
เป้าหมายชัด อยากเป็นนักการตลาดที่พอจะเป็นที่รู้จัก พอจะมีชื่อเสียงบ้าง จากนั้นผมก็เอาไปประเมินว่าแล้วตัวผมเองมีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง เพื่อจะได้มาใช้กำหนดกลยุทธ์การใช้ชีวิตและการทำงานต่อ
ผมค้นพบว่าข้อดีของผมจากที่คนอื่นมักบอกกันคือ “สื่อสารเก่ง พรีเซนต์ดี พูดแล้วน่าฟัง” แสดงว่าเรามีทักษะการพูดที่ดีกว่าคนทั่วไประดับหนึ่ง
อีกหนึ่งข้อดีคือผมรักการอ่าน ผมอ่านหนังสือเยอะมาก สมัยนั้นอ่านปีละไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยเล่ม เลยทำให้ผมมีความรู้ทั่วไปสะสมเยอะ สามารถคุยอะไรกับใครก็ได้ แม้จะไม่รู้ลึกมาก แต่ก็พอรู้ในระดับกลางๆ ทำให้เอาตัวรอดได้ดี
อีกหนึ่งข้อคือสามารถจับแพะชนแกะได้ จับแพะชนแกะในที่นี้ไม่ใช่เอาสองคนมาเจอกัน วันนั้นยังไม่มีคอนเนคชั่นขนาดนั้น แต่สามารถเอาความรู้แขนงนึงมาต่อยอดเป็นไอเดียให้กับอีกธุรกิจนึง บวกกับความสามารถในการคิดไอเดียได้ตลอด คิดได้ไว คิดได้เร็ว คิดได้เยอะ เมื่อยิ่งรู้มากขึ้นก็ยิ่งคิดอะไรได้เรื่อยๆ มีไอเดียที่พอจะนำไปใช้ได้จริงให้คนอื่นเสมอ
ส่วนข้อเสีย ผมไม่เก่งภาษาอังกฤษ และไม่มีต้นทุนทางสังคมใดๆ นามสกุลไม่ดัง บ้านไม่รวย ไม่เป็นที่รู้จัก ก็เลยต้องเอาความรู้ที่มีมาแชร์ผ่านการทำเพจชื่อ การตลาดวันละตอน นานวันเข้าเริ่มเป็นที่รู้จัก พอถึงจุดที่นานพอก็กลายเป็นฐานในการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผมมาเรื่อยๆ
และอีกข้อที่สำคัญมากของคนที่ประสบความสำเร็จ คือต้องรู้ว่าจุดที่ประสบความสำเร็จคือจุดไหน ส่วนตัวผมมีเป้าหมายว่าขอแค่มีเงินมากพอที่จะไม่ต้องดิ้นรนทำงานเพื่อเงินอีกต่อไป ไม่ต้องมีเป็นร้อยล้านก็ได้ (แต่ถ้ามีก็ดี) ขอแค่มีเงินเก็บในระดับที่นอนดูซีรีส์อ่านหนังสืออย่างเดียวสัก 10 ปี ก็พออยู่ได้
ผมเริ่มคำนวนตัวเลขนี้มาว่าชีวิตแบบที่ผมต้องการต้องใช้เงินประมาณเดือนละเท่าไหร่ สรุปแล้วตกปีละหนึ่งล้านบาทก็เพียงพอ เมื่อเป้าหมายผมคือ 10 ปี ก็เท่ากับว่าตัวเลขที่จะทำให้ผมรู้สึกว่าประสบความสำเร็จก็อยู่ที่สิบล้านบาท จากนั้นก็เริ่มลงมือทำทุกวันไปเรื่อยๆ
ฉะนั้นคำถามแรกคือ ความสำเร็จของคุณคืออะไร นิยามข้อนี้ให้ได้ก่อน เหมือนกับการจะขับรถออกจากบ้าน จะต้องรู้ก่อนว่าจะออกไปไหน หรือการจะออกไปเที่ยว ต้องรู้ก่อนว่าจะไปเที่ยวที่ไหน เป็นต้น
เมื่อกำหนดเป้าหมายชัดก็ต้องประเมินว่าแล้วเรามีรถอะไรบ้าง หรือมียานพาหนะอะไรบ้าง หรือถ้าไม่มี เรามีงบเดินทางเท่าไหร่ เพื่อจะได้รู้ว่าเราจะไปให้ถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างไร ถ้ามีรถก็ต้องดูว่าจะขับไปเส้นไหนดี ถ้ามีมอเตอร์ไซค์อาจต้องประเมินใหม่ ว่าขับไปเส้นทางถึงจะปลอดภัยไม่โดนรถใหญ่ลากไปกินก่อน หรือถ้าไม่มีรถของตัวเอง ก็จะได้ประเมินว่าจะต้องขึ้นรถตู้ นั่งรถไฟ หรือติดรถเพื่อนไปได้
นี่แหละครับการจะเป็นคนที่สำเร็จได้ เริ่มจากกำหนดเป้าหมายให้ชัด รู้ว่าความสำเร็จของเราคือตรงไหน ประเมินตัวเองอย่างรอบด้านและไม่หลอกตัวเอง จากนั้นก็ลงมือทำทุกวันไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็อย่าลืมประเมินว่าเราเข้าใกล้เส้นชัยหรือกำลังหลงทางออกไปไกลขึ้น ปรับเส้นทางใหม่ให้ชัดเจนขึ้นไปเรื่อยๆ
นี่คือมุมมองผมต่อเคล็ดลับที่ 1 จาก 40 เคล็ดลับของคนที่หยิบจับอะไรก็สำเร็จ (รู้สึกจะยาวไปหน่อย)
กล้าที่จะล้ม
คนจำนวนไม่น้อยมีเป้าหมายชัด มีแผนการที่ดี แต่กลับไม่ได้เริ่มลงมือทำเพราะกลัวความล้มเหลว กลัวที่จะผิดพลาด การจะประสบความสำเร็จได้แน่นอนต้องเริ่มต้นลงมือทำ เหมือนกับการบอกว่าเราอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นนั้น ก็ต้องจากการเริ่มต้นซื้อตั๋ว จองโรงแรม และสุดท้ายคือไปขึ้นเครื่องตามเวลา
ถ้าเรามีข้ออ้างว่าการเดินทางออกไปต่างประเทศที่ไม่มีเพื่อนหรือครอบครัวอยู่มันน่ากลัว ไม่ไปดีกว่า เราก็จะไม่ได้ออกไปเจอโลกกว้างอย่างที่ใจต้องการสักที
ถ้าอยากประสบความสำเร็จต้องกล้าล้ม กล้าลุก สำคัญสุดคือกล้าที่จะเริ่ม เป็นเรื่องปกติของชีวิตที่จะเจอความผิดพลาด ความล้มเหลว เหมือนกับชีวิตคนเราตอนยังเป็นเด็กเล็ก กว่าเราจะเดินได้เป็นธรรมชาติ วิ่งได้เป็นปกติ เราล้วนผ่านการล้มไม่รู้กี่พันกี่หมื่นครั้ง
แต่สำคัญคือต้องประเมินว่าการล้มนั้นจะไม่ทำให้เราเจ็บหนัก ไม่ทำให้เราถึงตาย ไม่อย่างนั้นเราก็คงไม่ได้ไปถึงจุดหมายปลายทางความสำเร็จที่ต้องการ
เช่น ถ้าอยากเป็นเจ้าของร้านขายเฟอร์นิเจอร์ชื่อดัง อย่าเพิ่งเริ่มต้นใหญ่ด้วยเงินร้อยล้าน ลองเริ่มต้นจากรับมือขาย หรือพรีออเดอร์ทางออนไลน์ก่อนดีไหม เพื่อประเมินว่าถ้ามีการสั่งซื้อมากขึ้นเราจะรับมืองานที่วุ่นขึ้นแบบนั้นได้อย่างไร
เริ่มให้เร็ว ล้มให้ไว เรียนรู้และลุกขึ้นใหม่ เส้นทางของคนสำเร็จก็เรียบง่ายแบบนี้ ไม่มีใครสำเร็วโดยไม่เคยล้ม ไม่เคยผิดพลาด ดังนั้นถ้าอยากเป็นคนสำเร็จต้องกล้าที่จะผิดพลาด แต่ก็ต้องประเมินว่าความผิดพลาดนั้นต้องอยู่ในระดับที่รับไหว เพราะถ้าทำอะไรที่เสี่ยงเกินรับไหว จะกลายเป็นการพนันได้
โฟกัสให้เป็น
เวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดของทุกคนบนโลกนี้ เพราะเวลาเป็นสิ่งเดียวที่ลดลง หาเพิ่มไม่ได้ คนที่สำเร็จจะโฟกัสกับเฉพาะสิ่งที่สำคัญ สิ่งที่จะทำให้เกิด Impact จริงๆ พวกเขาจะตัดใจไม่ทำสิ่งสำคัญ แม้จะรู้สึกว่าต้องทำ แต่พวกเขาจะทุ่มเวลาให้กับสิ่งสำคัญ สิ่งที่จะทำให้พวกเขาเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น
หนังสือเล่มนี้ของอาจารย์ นภดล เปรียบเปรยภาพให้เห็นชัดๆ ว่า เราเคยเห็นนักกีฬาโอลิมปิกคนไหนมั้ยที่ได้เหรียญทองจากกีฬามากกว่าหนึ่งชนิด เช่น ได้ทั้งเหรียญทองว่ายน้ำ กับ เหรียญทองของวิ่งแข่ง
แทบไม่เคยเห็นเลยครับ แต่เรามักเคยเห็นนักกีฬาที่ได้หลายเหรียญทองจากกีฬาคล้ายๆ กัน เช่น ได้ว่ายน้ำท่าหนึ่ง แล้วมาได้อีกท่าหนึ่ง อย่างนี้เป็นต้น
นั่นก็เพราะถ้าเราพยายามจะเอาดีในระดับเหรียญทองโอลิมปิกสองด้าน มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเราต้องแบ่งเวลาในการจะทำสิ่งหนึ่งให้ดีเลิศ เหลือแค่พอทำสองสิ่งให้อยู่ในระดับที่ดี และแน่นอนว่าการจะทำให้ได้แค่ดีนั้นไม่เพียงพอถ้าอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จต้องรู้จักโฟกัส ตัดใจไม่ทำในสิ่งที่ไม่สำคัญ แล้วทุ่มเทเวลาทำให้สิ่งที่สำคัญจริงๆ
กล้าที่จะผิด
คนที่สำเร็จมักกล้าที่จะยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง การกล้ายอมรับผิดนั้นจะทำให้เราลดอีโก้อัตตาของตัวตนลง ถ้าถามว่าทำไมการกล้ารับผิดถึงสำคัญ เพราะเราจะปรับปรุงให้ตัวเองดีขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อเรารู้ก่อนว่าเรามีอะไรให้ปรับปรุง
แต่ถ้าเราคิดว่าตัวเองดีอยู่แล้ว ทุกอย่างดีอยู่แล้ว ชีวิตดีอยู่แล้ว เราก็จะไม่เห็นปัญหา ไม่เห็นความจำเป็นในการปรับปรุงแต่อย่างไร
ถ้าอยากให้ชีวิตดีขึ้น ทำงานเก่งขึ้น ต้องรู้ก่อนว่ามีจุดไหนที่เรายังผิดยังพลาดอยู่
เวลาเกิดปัญหาต้องลองคิดก่อนว่าเราผิดตรงไหน จะแก้ได้อย่างไร ถ้าเรามัวแต่โทษปัจจัยภายนอก เราก็จะไม่มีโอกาสได้ปรับปรุงให้ตัวเองดีขึ้นได้เลย
ให้อำนาจคนทำงานได้ตัดสินใจ
ผู้บริหารหรือเจ้าของธุรกิจจำนวนไม่น้อยไม่กล้าปล่อยให้ทีมคิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไม่เชื่อมือ หรือใดๆ ก็แล้วแต่ แต่จะบอกว่าบรรดาเจ้าของธุรกิจเก่งๆ ผู้บริหารเก๋าๆ ล้วนปล่อยให้ลูกน้องคนหน้างานได้คิดและตัดสินใจทั้งนั้น
ถ้าเรายังต้องเป็นคนคิดและตัดสินใจทั้งหมด องค์กรก็จะไม่เดินหน้า หรือเดินได้ช้า เพราะทุกอย่างต้องรอเรา หรือรอผู้บริหารไม่กี่คน แต่ถ้าเราอยากให้บริษัทเดินหน้าได้เร็ว ก็ต้องกล้าให้คนทำงานได้ตัดสินใจ
แต่แน่นอนว่าการตัดสินใจมาพร้อมกับความเสี่ยง ไม่ว่าจะเราตัดสินใจเองหรือลูกน้องตัดสินใจ แต่ทางป้องกันก็มีครับ
จ้างคนเก่ง คนที่ไว้ใจได้ คนที่มีความรับผิดชอบตั้งแต่ต้น
ให้ตัดสินใจในเรื่องที่ถ้าผิดพลาดไปจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงมาก พอรับไหว ถ้าเกิดความผิดพลาดก็ถือว่าเป็นค่าเรียนเพื่อป้องกันเรื่องนี้ในอนาคต แต่ขอย้ำว่าค่าเสียหายที่ถ้าจะเกิดขึ้นต้องไม่ถึงขนาดที่ทำให้บริษัทเจ๊งนะครับ
ผิดถูกต้องให้ลูกน้องได้เรียนรู้ เหมือนกับเราที่ได้เรียนผิดมาก็เยอะกว่าจะรู้ว่าถูกเป็นอย่างไร
หัวหน้าที่ดี ต้องรับผิด ไม่รับชอบ
ข้อนี้เกี่ยวกับทีม หน้าที่ของหัวหน้าต้องหมั่นรับผิดแต่ต้องรีบไม่รับชอบ หมายความว่าเมื่องานมีปัญหา ต้องทำให้ลูกน้องกล้ารีบบอกเพื่อจะได้ป้องกัน ต้องกล้าออกตัวช่วยปกป้องลูกน้องที่ทำงานอย่างขยันด้วยความตั้งใจดีเสมอ เพราะถ้าเราไม่ทำลูกน้องจะไม่กล้าทำงานถวายหัวให้เราอีก
เช่น ถ้าลูกน้องทำงานตามที่เราอนุมัติ แม้จะเป็นไอเดียของลูกน้องเอง แต่ถ้าได้ผลออกมาไม่ดีอย่างที่คาดไว้ หัวหน้าต้องรีบยืดอกรับกระสุนแทนลูกน้องก่อน อย่าปล่อยให้กระสุนไปถึงลูกน้อง แล้วเราจะได้ใจลูกน้องไม่ยาก
ในขณะเดียวกันถ้างานนั้นได้ผลตามที่คาดไว้ หัวหน้าต้องรีบปัดความดีนั้นออกจากตัว แล้วยกความดีนั้นให้ลูกน้องหรือทีมทั้งหมด แม้คนอื่นอาจจะเชื่อตามนั้น แต่ลูกน้องที่ดีจะรู้ว่าไม่ใช่แบบนั้น แม้หัวหน้าจะไม่ได้ลงมือทำงานในโปรเจคนั้น แต่ก็ยังคงสำคัญในฐานะหัวหน้าที่ช่วยขัดเกลาให้ความคิดนั้นกลายเป็นจริงจนสำเร็จได้ในที่สุด
สรุปหนังสือ อะไรที่คนสำเร็จมีเหมือนกัน The Success Factors
จริงๆ จาก 40 เคล็ดลับในหนังสือเล่มนี้มีที่ผมชอบเยอะมาก แต่ขอหยิบมาสัก 6 ข้อที่ประทับใจแบบสุดๆ มากๆ เพื่อให้เห็นภาพว่าหนังสือเล่มนี้ดีขนาดไหน และสิ่งหนึ่งที่บอกได้เลยว่าคนที่สำเร็จทำนั้นไม่มีอะไรที่มนุษย์ทุกคนอย่างเราจะทำไม่ได้
ผมมักเปรียบเทียบว่าการจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จก็เหมือนกับการลดน้ำหนัก คนส่วนใหญ่ล้วนมีเป้าหมายเป็นการลดน้ำหนักให้ได้ แต่มีน้อยคนมากที่ทำได้ ทั้งที่ความจริงแล้วการลดน้ำหนักนั้นไม่ได้ยาก ก็มีแค่ไม่ออกกำลังกายที่มากพออย่างสม่ำเสมอ ก็ลดการกินของที่ไม่จำเป็น เลือกกินของให้ดีอย่างสม่ำเสมอนานพอเท่านั้นเอง
พูดจากคนที่สามารถลดน้ำหนักลงได้สิบกิโลจากการวิ่งอย่างเดียว แต่ผมวิ่งครั้งละ 10 กิโลเมตรโดยเฉลี่ย วิ่งแบบนี้สัปดาห์ละ 2-3 วัน ต่อเนื่องกันหลายเดือน ทำจนเป็นนิสัย ถ้าวันไหนไม่ได้วิ่งแล้วจะหงุดหงิด แต่จากนั้นพอเข้าช่วงโควิดก็หยุดวิ่ง จนน้ำหนักกลับขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งล่าสุดผมก็เปลี่ยนมาลดการกิน งดกินมื้อที่ไม่จำเป็น ลดการกินจุกจิบระหว่างวัน บวกกับกินแค่พออิ่ม รู้สึกอิ่มก็หยุด จะไม่พยายามกินเอากินเอาแบบวันวานเพียงเพราะแค่มันอร่อย
ง่ายๆ เท่านี้น้ำหนักผมก็สามารถลงถึง 10 กิโลกรัมเท่ากับตอนที่วิ่งครั้งละ 10 กิโลเมตรเป็นประจำ เห็นมั้ยครับว่าการจดประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักนั้นไม่ต้องทำอะไรที่ยากเกินมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งจะทำได้
สิ่งสำคัญคือต้องทำอย่างมีวินัยและสม่ำเสมอ ใครที่อยากประสบความสำเร็จในชีวิตก็เช่นกัน แค่ทำทุกวันเพื่อปูทางให้ตัวเองเข้าใกล้เป้าหมายนั้นไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งเมื่อคุณเงยหน้ามา คุณอาจพบว่าตัวเองเข้าเส้นชัยชีวิตโดยไม่รู้ตัว
อ่านแล้วเล่า เล่มที่ 5 ของปี
สรุปหนังสือ อะไรที่คนสำเร็จมีเหมือนกัน The Success Factors 40 เคล็ดลับของคนที่หยิบจับอะไรก็สำเร็จ ศาสตรจารย์ ดร. นภดล ร่มโพธิ์ เขียน สำนักพิมพ์ I AM THE BEST
อ่านสรุปหนังสือแนวนี้ในอ่านแล้วเล่าต่อ: https://summaread.net/category/moltivation/
สั่งซื้อหนังสือเล่มนี้ทางออนไลน์https://shope.ee/10fec0r2vJ https://shope.ee/4fYwyllcWm https://shope.ee/1VbvCy1Ods