นั่นซิครับ อะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไปจริงๆนะครับ

หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนให้เรา “ทิ้ง” แต่สอนให้เรา “เลือก” เฉพาะอะไรที่จำเป็นหรือสำคัญในชีวิตเราเท่านั้น

เพราะทุกวันนี้เราเต็มไปด้วยสิ่งไม่สำคัญกับชีวิตเรามากมาย ที่ทั้งดึงพลังงาน ดูดเวลา ทำให้เราเสียสมองหมดแรงกับเรื่องที่ไม่สำคัญอยู่แทบทั้งวัน

ไม่ว่าจะเป็นข่าวคราวอัพเดทประจำวันที่ไม่ค่อยสำคัญกับชีวิตเราเท่าไหร่ เอาง่ายๆเราไม่รู้ก็ไม่ได้ทำให้เราโง่ขึ้นหรอกครับ แต่ในทางกลับกันยิ่งรู้มากขึ้นเรื่องพวกนี้กลับยิ่งแย่งชิงพื้นที่ในสมองและความสนใจจากเราไปจากสิ่งที่เราควรจะสนใจมากกว่า

ใจความสำคัญของเล่มนี้พูดถึง “ข้าวของ” ต่างๆที่เราพยายามซื้อมาด้วยเงินที่เราพยายามหาให้ได้มากขึ้น ทั้งๆที่ข้าวของทั้งหลายกว่า 90% ในชีวิตเราที่เรามีนั้น เราไม่มีมันก็มีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ลำบากขึ้นเท่าไหร่เลย แถมบางทีอาจทำให้เราสบายขึ้นด้วยซ้ำ เพราะเราไม่ต้องคอยเก็บกวาดดูแลรักษา จนไม่รู้ว่าในที่สุดเรา เราเป็นเจ้าของมัน หรือมันเป็นเจ้าของเรากันแน่

เพราะเรามักคิดเหมือนกันว่า การเป็นเจ้าของนั้นคือการได้มา แต่เปล่าเลยครับ ความจริงแล้วการเป็นเจ้าของที่แท้จริงคือการพร้อมจะทิ้งมันไปต่างหาก

เพราะถ้าเราไม่ใช่เจ้าของมันจริงๆ เราก็คงจะไม่สามารทิ้งมันไปได้ใช่มั้ยครับ เหมือนเงินของเรา ถ้ามันไม่ใช่ของเราๆก็คงไม่สามารถทิ้งมันไปให้คนอื่นได้

ดังนั้นการยิ่งมีความ “อยากได้” น้อย ก็ทำให้เรากลับยิ่งมีความเป็นเจ้าของมากขึ้น ไม่ใช่แค่เจ้าของในสิ่งของเท่านั้น แต่ยังหมายถึงเจ้าของในชีวิตเราเองด้วย

คิดง่ายๆก็ได้อย่างถ้าเรา “มีบ้าน” เรามักจะคิดว่าแค่เรากู้ซื้อบ้านๆก็เป็นของเราแล้ว แต่ในความจริงของคนส่วนใหญ่แล้วไม่เลยครับ “บ้านเป็นเจ้าของคุณมากกว่า”

ที่ผมบอกว่าบ้านเป็นเจ้าของคุณเพราะ คุณต้องเป็นฝ่ายทำงานหาเงินให้กับบ้านทุกเดือนๆ เป็นเวลาร่วม 30 ปี ตามมาตรฐานการกู้ซื้อบ้าน ถ้าคุณต้องทำงานหาเงินเพื่อบ้านโดยห้ามขาดตกบกพร่องทุกเดือน คุณจะยังคิดว่าคุณเป็นเจ้าของมันได้อีกหรอ คุณต้องเป็นของมันกว่า 30 ปี กว่ามันจะเป็นของคุณ

จริงมั้ยครับ?

สุดท้ายนี้สิ่งที่ใช้เงินแลกได้และมีค่าที่สุดไม่ใช่ข้างของ แต่คือประสบการณ์ เพราะข้าวของมักจะต้องเป็นภาระในการดูแล ทั้งต้องใช้พื้นที่ในการวางหรือเก็บรักษา ไหนจะค่าเสื่อมตามการเวลา ไหนบางครั้งอาจจะสูญหาย แต่กับประสบการณ์แล้วเมื่อคุณได้มันมาจะไม่มีใครเอามันจากคุณไปได้ มันจะไม่เสื่อมค่าลงตามการเวลา ยกเว้นว่าสมองคุณจะเริ่มเสื่อมถอยจนจำไม่ได้ไป

ถ้าถามว่าตอนนี้ผมอยากทิ้งอะไรบ้าง ผมอยากทิ้งทุกอย่างที่ไม่จำเป็นให้หมดแหละครับ แต่ยอมรับว่าผมยังทำไม่ได้ในไกล้ๆนี้ แต่อย่างน้อยตอนนี้ผมก็จะไม่ “อยากได้” อะไรเพิ่มที่มันไม่จำเป็นในชีวิตขึ้นมาอีก ไม่ใช่แค่สิ่งของ หรือทรัพย์สินเงินทอง แต่ยังรวมถึงความอยากในเรื่องฐานะ หรือชื่อเสียงเงินทองที่เคยอยากมี

และท้ายสุดนี้ผมอยากจะบอกว่า ความร่ำรวยไม่ได้วัดจากการได้มีหรือครอบครอง แต่วัดจากความ “ต้องการ” ของตัวเราครับ ถ้าวันไหนเรารู้สึกพอ วันนั้นเราก็รวยแล้ว

ซะซะกิ ฟุมิโอะ เขียน
นพัฒน์ หัทยานันท์ แปล
สำนักพิมพ์ Steps

เล่มที่ 12 ของปี 2018
20180130

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/