เหลี่ยมคุก
ถ้าพูดถึงชื่อชูวิทย์ ผมเชื่อว่าคงมีน้อยคนในประเทศที่ไม่รู้จัก ตั้งแต่เจ้าพ่ออ่างทองคำถึง 6 แห่ง ตามมาด้วยนักแฉในตำนานเรื่องข้าวผัดกล่องละ 5,000 บาท ต่อมาด้วยการลงสมัครผู้ว่ากรุงเทพจนได้คะแนนหลักแสน แล้วก็กลายมาเป็น ส.ส. ในสภาผู้ทรงเกรียติ์ สุดท้ายมาเป็นนักโทษเด็ดขาดชายชูวิทย์ และก็เพิ่งได้รับอิสรภาพเมื่อไม่นานมานี้เอง ชูวิทย์ เป็นคนที่ใครหลายคนติดตามในเรื่องของฝีปาก กับเรื่องราวด้านมืดมากมายในสังคมที่แฉมาทีทำเอาคนใหญ่โตสะเทือนกันเป็นแถบ แต่ถูกใจชาวบ้านหรือคนที่ไม่ชอบคนใหญ่โตเหล่านั้นมากมาย เล่มนี้ชูวิทย์ไม่ได้แค่แฉ แต่ยังเป็นการตีแผ่จากชีวิตจริงหลังประตูเหล็กกำแพงหินของคุก คุก ชีวิทย์ ให้นิยามว่าเป็นสถานที่พระเจ้าไม่คาดคิด แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์นั้นสร้างขึ้นมาเพื่อกักขังกันเอง เพราะชีวิตหลังกำแพงคุกนั้นเหมือนกับถูกขโมยเวลาหายไปจากชีวิต เพราะหลายคนที่ติดอยู่หลายปีพอออกจากคุกมาก็ไม่เหลือชีวิตนอกคุกอีกต่อไป ส่วนใหญ่ก็พ่อตาย เมียหาย ครอบครัวพี่น้องไม่ต้องพูดถึง โดยเฉพาะคนที่ติดคุกเกินสิบปีขึ้นไปเหมือนตัวตนในสังคมเค้าไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว ชูวิทย์เล่าว่าคุกเป็นสถานที่เดียวที่มนุษย์ไม่ควรเข้ามา เพราะมันคือนรกบนดินแท้ๆที่คาดเดายังไงก็ไม่ออกนอกจากจะต้องได้ประสบกับตัวเอง แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครควรประสบกับตัวเองเพราะมันเลวร้ายเกินจะทน ด้วยความที่ในคุกนั้นไม่ได้มีการแบ่งแยกประเภทนักโทษเบา หรือนักโทษนั้น คุกนั้นเหมือนถังใบนึงที่ไม่มีการคัดแยกผิดมาก ผิดน้อย ได้แต่เอาคนที่ถูกตัดสินว่าผิดแทบทั้งหมดมาเทรวมกันในที่เดียว มันเลยทำให้คนที่ต้องเข้าคุกมาส่วนใหญ่ไม่ได้ปรับปรุงตัวอะไรให้ดีขึ้น นอกจากการเรียนรู้วิชามหาโจรให้เก่งกล้ามากขึ้นอีก บางคนก็พอได้พ้นโทษออกจากคุกไปอย่างที่บอกแต่ด้วยติดมานานสิบปีไป อิสระภาพที่เคยไขว่คว้าหาก็กลายเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับหลายคน ถ้าผมจะตีความว่าคุกนั้นเปรียบเสมือนยางลบ ที่เอาไว้ลบเวลาในชีวิตคนออกไปเลยก็ไม่ผิดนัก เหมือนถ้าใครต้องเข้าคุกไปพอออกมาเวลาที่อยู่ในคุกนั้นเหมือนหายเปล่าไปจากชีวิตเลยก็ว่าได้ ถ้าคนที่ต้องเข้าคุกตอน 20 แล้วติด 10 ปี ออกมาตอน 30 จะเปรียบว่าเค้าหลับไปตอน 20 แล้วอยู่ดีๆตื่นขึ้นมาก็ 30 แล้ว […]