หลอกสมองให้ลองคิดกลับด้าน Law of Illusion
“เราไม่ได้เห็นโลกอย่างที่มันเป็น แต่เลือกทุกคนต่างเห็นโลกอย่างที่เราเลือกมอง”ถ้าให้เลือกสรุปจบทั้งเล่มในหนึ่งบรรทัด ผมคงเลือกประโยคนี้ เพราะคนเราไม่ได้เห็นโลกอย่างที่มันเป็นซักเท่าไหร่ แต่เราทุกคนต่างมี “แว่นตา” ที่ใช้มองแต่ละสิ่ง แต่ละเรื่องที่ต่างกันไป คนนึงอาจมองเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก แต่อีกคนอาจมองเรื่องเดียวกันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เรื่องแบบนี้มีให้พบเจออยู่เป็นประจำ เหมือนที่วินสตัน เชอร์ชิล อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศอังกฤษ ที่นำพาประเทศผ่านพ้นวิกฤตสงครามโลกครั้งที่สองจนพลิกกลับมาเอาชนะนาซีได้ในครั้งนั้น เคยกล่าวเอาไว้ว่า “คนธรรมดามองเห็นปัญหาเป็นปัญหา แต่คนฉลาดมองเห็นปัญหาเป็นโอกาส” (ประโยคประมานนี้) แค่ประโยคนี้ก็ย้ำเตือนได้ดีถึง “มุมมอง” ของเรื่องเดียวกันที่ให้ผลต่างกันเกินคาด และทั้งหมดนี้ก็มาจากการ “หลอกสมองให้ลองคิดกลับด้าน” เหมือนชื่อหนังสือเล่มนี้จริงๆครับ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราพบเจอเรื่องหนึ่งในชีวิต แล้วถ้าเรามองว่ามันเป็นปัญหา มันก็จะเป็นปัญหาอย่างที่เราคิดจริงๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่เรากลับมองว่านั่นคือโอกาส โอกาสที่จะทำให้เราได้ปรับปรุงมันให้ดีขึ้น โอกาสที่จะทำให้เราได้ฝึกฝนให้เราเก่งขึ้น มันก็จะเป็นโอกาสอย่างที่เราเลือกมองในเรื่องเดียวกันจริงๆ ว่ากันว่าสมองของคนเราล้วนมีส่วนประกอบและโครงสร้างแทบไม่ต่างกันนัก แต่ทำไมคนเราถึงใช้สมองที่คล้ายคลึงกันแต่กลับมีประสิทธิภาพต่างกันเหลือเกิน คนนึงเก่ง คนนึงธรรมดา ส่วนอีกคนกลับไม่ฉลาดเอาเสียเลย ทั้งหมดนี้ผู้เขียนที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านสมองและความคิดกล่าวไว้ว่า ตัวสมองไม่ต่าง แต่สิ่งที่ต่างคือ “ความคิด” แค่ความคิดว่าเราจะทำได้หรือไม่ได้นั้น ก็ให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันมากแล้ว ลองย้อนกลับถามตัวเองดูหน่อยมั้ยว่า อะไรบ้างที่เราคิดว่าเราทำไม่ได้บ้างในตอนนี้ แล้วอยากให้เราลองคิดดูว่าถ้าในเรื่องที่เรากำลังกังวลหรือคิดว่า “ยังไงก็ทำไม่ได้นี้” ให้ลองเปลี่ยนความคิดเล่นๆใหม่ว่า “ยังไงก็ทำได้แน่ๆ” กับปัญหาเดียวกันดู แล้วคุณจะรู้ว่าคุณจะพบคำตอบให้กับปัญหานั้นได้ไม่ยากเย็น เพราะไม่ว่าคุณจะคิดว่าคุณทำได้ หรือทำไม่ได้ คุณก็คิดถูกทั้งนั้น… ลองคิดดูเล่นๆก็ได้ครับ […]