การเมืองเรื่องพระพุทธรูป
เมื่อพูดถึงพระพุทธรูป รูปจำลองเคารพถึงพระพุทธเจ้าในศาสนาพุทธที่เป็นศาสนาหลักที่คนส่วนใหญ่ในชาตินับถือ แต่จะมีซักกี่คนที่รู้เหมือนผู้เขียนว่าเบื้องหลังของพระพุทธรูปนั้นมีการเมืองแฝงอยู่แบบที่นึกไม่ถึง หนึ่ง เพื่อความเคารพ แน่นอนว่าพระพุทธรูปอยู่ที่ไหน คนไทยส่วนใหญ่ก็จะให้ความเคารพกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะพุทธหรือไม่ใช่พุทธ แต่ถ้าเป็นคนไทยหรือไม่ใช่ไทยแต่อยู่ในไทยมานาน ก็พอจะรู้ว่าคนไทยนั้นให้ความเคารพพระพุทธรูปอย่างถึงที่สุด แต่อีกนัยหนึ่งคือเพื่อให้ “คนเคารพ” ผู้ที่อัญเชิญพระพุทธรูปนั้นมาอยู่ในครอบครอง ในสมัยก่อนย้อนกลับไปถึงสมัยพระเจ้าตากสิน และเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก(รัชกาลที่ ๑) ก็มีการไปตีเอาเมืองขึ้น แล้วก็ยึดเอาพระพุทธรูปของเมืองเหล่านั้นมาอยู่ในครอบครองที่เมืองหลวงของตัวเอง (ในสมัยนั้นคือกรุงธนบุรี แล้วค่อยมาเป็นกรุงเทพมหานคร) เป็นการแสดงอำนาจที่เหนือกว่าโดยนัยว่าสิ่งสำคัญที่เป็นที่เคารพบูชาสูงสุดของเมืองนั้นตกเป็นของเมืองนี้ ทั้งพระแก้วมรกตที่ได้มาจากเมืองลาว และยังมีพระบาง ที่ได้มาจากเมืองหลวงพระบาง แต่ในตอนหลังมีการนำพระบางกลับคืนไปยังเมืองเดิม เพราะเชื่อว่าถ้าพระแก้วมรกตและพระบางอยู่ด้วยกันจะทำให้แห้งแล้ง ข้าวของแพง ผู้คนอดอยาก ดังนั้นในช่วงยุคระหว่างพระเจ้าตากสินมหาราช และรัชกาลที่ ๑ นั้น พระพุทธรูปคือการแสดงถึงอำนาจของพระมหากษัตริย์เองที่บวกรวมเข้ากับความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาของผู้คนไปคู่กัน หรือพูดง่ายๆก็คือมีทั้งพลังทางโลก และพลังทางธรรมนั่นเอง จึงเกิดการรวมพระพุทธรูปจากหัวเมืองต่างๆ มากกว่าพันองค์มาไว้ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และวัดอื่นๆในช่วงเวลานั้น เพื่อเป็นการประกาศให้รู้ว่านี่คือพลังอำนาจทั้งทางโลกและทางธรรมให้เป็นที่รู้กันโดยทั่ว ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมบางวัดถึงมีพระพุทธรูปเยอะนัก และทำไมบางวัดถึงมีพระพุทธรูปแค่องค์เดียว และในตอนนั้นพระพุทธรูปนั้นมีเฉพาะในรั้วในวังและตามวัดเท่านั้น ไม่ได้มีทั่วไปตามบ้านเรือนผู้คนเหมือนอย่างในบ้านเราทุกวันนี้ สอง พระพุทธรูปผสมความเป็นจีน ในช่วงยุครัชกาลที่ ๒ ตอนปลายเป็นต้นมา ไทยเรามีความสนิทสนมกับจีนผ่านทางการค้า และการอพยพของชาวจีนที่เข้ามามากมาย ทำให้วัฒธนธรรมจีนไหลเข้ามาตามผู้คน จากเดิมที่เคยมีพระพุทธรูปตั้งโดดๆให้บูชาเดี่ยวๆ ก็ผสมกับการตั้งโต๊ะบูชาบรรพบุรุษแบบจีน จนกลายเป็นการจัดโต๊ะหมู่บูชาพระพุทธรูปมาจนถึงทุกวันนี้ และเมื่อชาวจีนที่เป็นพวกพ่อค้า คฤหบดี หรือเศรษฐีทั้งหลายที่มีฐานะ […]