สรุปหนังสือ นี่เงินเดือนหรือเงินทอน โอมศิริ วีระกุล
ต้องบอกนี่ไม่ใช่หนังสือการตลาดแต่ชื่อหนังสือโคตรการตลาดมากๆ เพราะลำพังแค่ชื่อหนังสือ นี่เงินเดือนหรือเงินทอน ก็สามารถเรียกความสนใจให้คนต้องหยุดหันมามองพร้อมกับอุทานในใจว่า “หืม อะไรนะ?” เพราะชื่อหนังสือช่างเป็นเรื่องจริงที่เสียดแทงใจคนส่วนใหญ่ในประเทศ ในวันที่ชักหน้าไม่ค่อยจะถึงหลัง ในวันที่มีเงินเดือนเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยพอใช้ ในวันที่เราถูกโฆษณามากมายหล่อหลอมให้ซื้อข้าวของต่างๆ กันเข้าไป ในวันที่เงินเดือนขึ้นแต่ละปีขึ้นไม่ทันกับอัตราเงินเฟ้อที่ส่งผลให้เงินที่มีมูลค่าลดลงทุกวัน ดังนั้นแว๊บแรกตอนโอมศิริ วีระกุล ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้บอกว่า “พี่หนุ่ยครับ ผมออกหนังสือเล่มใหม่แล้ว อยากส่งให้พี่หน่อย” ผมคิดในใจตอนแรก หนังสือการเงินอีกละ ตกปากรับคำรับไปงั้นๆ แหละ เอามากองดองๆ ไว้อีกเล่มเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจเพื่อนแล้วกัน แต่พอได้เห็นหน้าปกชื่อหนังสือเล่มนี้ก็นั่นแหละครับ มันช่างกระตุกต่อมความสนใจของผมมากๆ ทำเอาผมรีบหยิบขึ้นมาอ่านโดยทันทีครับว่าหนังสือเล่มนี้มันจะหยิบเอาชีวิตจริงตอนเป็นพนักงานเงินเดือนที่รู้สึกประจำเมื่อเงินเดือนออกว่า นี่เงินเดือนหรือเงินทอนวะ? หนังสือนี่เงินเดือนหรือเงินทอนของโอมเล่มนี้อ่านง่าย แต่ไม่ใช่แค่อ่านง่ายอ่านเพลิน แต่ยังอ่านสนุกได้ความรู้พร้อมสาระ แถมยังแอบรู้สึกว่าโอมใส่เรื่องราวการตลาดเข้าไปไม่น้อย เอาเป็นว่าในฐานะที่ผมเป็นแฟนคลับหนังสือโอมมานานก่อนจะรู้จักกัน ตั้งแต่หนังสือเปิดเทอมใหญ่วัยทำงาน และก็มาจนหนังสือเล่มล่าสุดของโอมเล่มนี้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอหยิบบางช่วงบางตอนในหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเล่าเพื่อเรียกน้ำลายเรียกน้ำย่อยของคุณให้อยากซื้อทั้งเล่มมาอ่านแบบเต็มๆ โดยไม่มีอะไรขวางกั้นก็แล้วกัน การตลาดชิ้นสุดท้าย โอมเล่าว่าวันหนึ่งเขาถูกพ่อค้าขายสลักตกด้วยคำว่า “วันนี้ขายดีมาก กล่องสุดท้ายแล้ว ไม่ซื้อติดมือไปชิมหน่อยหรอครับ” ประโยคนี้ทำให้โอมที่ไม่คิดจะซื้อสลัดกลับบ้านต้องยอมใจควักเงินซื้อสักหน่อยด้วยคำว่า “กล่องสุดท้ายแล้ว” สำหรับผมรู้สึกปิ๊งกับไอเดียการขายแบบนี้มาก เพราะคำว่ากล่องสุดท้าย ชิ้นสุดท้าย หรือถุงสุดท้าย มันกลายเป็นการการันตีโดยกลายๆ ว่าของร้านนี้ต้องดีจริงไม่อย่างนั้นไม่ขายจนหมดเกลี้ยงจนเหลือแค่ชิ้นสุดท้ายหรอก ได้ยินแบบนี้แล้วก็อย่าลืมเอากลยุทธ์นี้ไปปรับใช้กันนะครับ อะไรก็ตามที่คุณขายให้เติมคำว่า “…สุดท้ายแล้วนะครับ” ผมเชื่อว่าประโยคนี้มีพลังมากพอจะทำให้คนยอมควักเงินซื้อไปลองกินเป็นคนสุดท้ายของร้านคุณได้ไม่ยาก แล้วคุณค่อยหยิบชิ้นสุดท้ายอีกชิ้นขึ้นมาวางขายอีกรอบก็ยังไม่สายครับ […]