The Content Revolution, คอนเทนต์ปัง ยังไงก็โดน!
เมื่ออ่านจบแล้วสรุปในหนึ่งประโยคได้ว่า “เลิกแทรกแซง แต่เร่งส่งเสริม” การโฆษณาตลอดหลายสิบหรือร้อยปีที่ผ่านมาเอาแต่ “แทรงแซง” หรือขัดจังหวะคนมาตลอด แม้แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไหร่นัก เช่น โฆษณาที่บังคับก่อนเราจะดูยูทูปโดยไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเราหรือความสนใจของเราเลย หรือ โฆษณาตามทีวีที่เราคุ้นเคยกัน ก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับเราเท่าไหร่นัก ยิ่งเป็นในยุคดิจิทัลมากขึ้น มีเสียงรบกวนมากมายจากโฆษณาในแต่ละวัน จากข้อมูลรีเสริชที่เคยอ่านล่าสุดบอกว่า เราเห็นโฆษณามากกว่า 5,000 ชิ้นในแต่ละวัน แต่ทำไมเรากลับจำมันได้ไม่ถึง 1% เลยล่ะ ก็เพราะโฆษณาส่วนใหญ่ที่เราเห็นยังคงเน้นที่การ “แทรกแซง” ชีวิตเราเสมอ แล้วโฆษณาในยุคนี้ที่บอกว่าเป็น content marketing ล่ะต่างกันยังไง? ต่างกันครับ ตรงที่การทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งจะเน้นการ “ส่งเสริม” ในสิ่งที่คนต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการที่แบรนด์ต้องทำตัวให้เป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ในด้านที่ตัวเองถนัดมากขึ้นและส่งเสริม “ให้ความรู้”กับคนที่สนใจเพิ่มขึ้น ต้องทำตัวให้ “มีประโยชน์” มากกว่าแค่คอยเอาแต่พูดโฆษณาป่าวประกาศว่าตัวเองดีอย่างไร แต่ต้องคอยช่วยเหลือกลุ่มคนแทน ทั้งหมดนี้มีวัตถุประสงค์ร่วมกันหนึ่งเดียวคือ เพื่อให้ผู้คน “ไว้วางใจ” การไว้วางใจจะสำคัญกับแบรนด์ยังไงล่ะ? ต้องบอกว่าการไว้วางใจเป็นเรื่องที่สำคัญมากกับคนเรามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว สมัยก่อนเวลาเราจะซื้อหาสินค้าหรือบริการอะไร เราก็จะเลือกถามจากคนที่ไว้วางใจไกล้ตัวว่าแนะนำอะไร นั่นคือในยุคสมัยที่การสื่อสารสองทางแบบโซเชียลมีเดียหรืออินเตอร์เน็ตยังไม่เกิดขึ้นอย่างทุกวันนี้ แต่ในวันนี้เมื่อการโฆษณาสื่อสารแบบสองทางเกิดขึ้นแล้วแบรนด์สามารถทำตัวเป็นเสมือนคนที่ทำให้ผู้คนไว้วางใจได้ ไม่ใช่ด้วยการเอาแต่ขายของ แต่ด้วยการส่งเสริมให้ความรู้กับผู้คนมากขึ้นผ่านคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ ช่วยให้ชีวิตผู้คนดีขึ้น นี่แหละมั้งครับหัวใจของการทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งที่หนังสือเล่มนี้ให้ไว้ และการทำคอนเนนต์ก็ไม่ได้หมายถึงแค่เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ […]